รูปลักษณ์ภายนอก
Aston Martin DB9 |
ท้าย DB9 |
ภายใน
ภายใน DB9 |
สมรรถนะเครื่องยนต์และอัตราเร่ง
DB9 คันนี้ใช้เครื่องยนต์ AM11 V12 สูบ 5,935 ซีซี ให้แรงม้า 517 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน/เมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (น่าจะเป็นการล็อคความเร็วจำกัดไว้เท่านี้เพราะดูจากตัวเลขสมรรถนะเครื่องยนต์แล้วน่าจะทำถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้) เครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ปี 2013 นี้ทำสมรรถนะได้ดีขึ้นหลังจากได้รับคำวิจารณ์ว่าเครื่องยนต์เดิมนั้นสมรรถนะแย่เกินไป สู้ Porsche 911 รุ่นล่างๆ ก็ไม่ได้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Bentley Continental GT ก็สู้ไม่ได้เช่นกัน จึงเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ตัวนี้ขึ้น ซึ่งก็ทำให้อัตราเร่ง และความเร็วสูงสุดเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามมันก็ทำสมรรถนะได้เพียงใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์ 8 สูบ อย่าง Bentley Continental GT V8S เท่านั้นเอง ทั้งๆที่เครื่องใหญ่กว่า แถมอัตราบริโภคน้ำมันก็กินอย่างดุเดือดถึง 15.67 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรหรือ 6.38 กิโลเมตรต่อลิตร โดยเฉลี่ย ก็นับว่าสมรรถนะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้เรียกว่าดีในระดับสุดยอด
แฮนด์ลิ่ง การควบคุม ช่วงล่าง
ในรถรุ่นที่เก่ากว่าปี 2013 นั้นได้รับคำวิจารณ์ว่าช่วงล่างนิ่มย้วยเกินไป การบังคับควบคุมก็ทำได้แย่ พวงมาลัยเบาเกินไปและไม่แม่นยำ ได้รับการจัดลำดับแฮนด์ลิ่งในรถกลุ่มเดียวกันว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะการควบคุมเป็นอันดับรั้งท้าย และหลังจากได้รับคำวิจารณ์นี้ Aston Martin DB9 ก็ได้ปรับปรุงส่วนนี้ในปี 2013 เป็นต้นมา ทำให้มีแฮนด์ลิ่งที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่เฉียบคมเท่า Aston Martin V12 Vantage S บุคลิกของพวงมาลัยก็ยังถือว่าไม่ให้ความหนักแน่นเหมือนกับรถสปอร์ตคันอื่นๆ ทั้งนี้ที่ไม่เซ็ตพวงมาลัยให้หนัก ก็เพราะต้องการให้ผู้ขับขี่ไม่เมื่อยล้าเมื่อต้องควบคุมพวงมาลัยเป็นเวลานานๆ นั่นเอง สำหรับรุ่นนี้จะคิดถึงการขับในชีวิตประจำวันมากกว่าในเรื่องของความสนุก และความสปอร์ต แต่โดยรวมเรื่องช่วงล่างและการควบคุม ถึงแม้จะปรับปรุงแล้ว ก็ยังมีคนวิจารณ์ว่ามันยังทำได้ไม่ลงตัวเท่ากับ Bentley Continental GT อยู่ดี แม้แต่การใช้งานในชีวิตประจำวันก็ยังสู้ Bentley Continental GT ไม่ได้อีกเช่นกัน ทั้งความสะดวกสบาย ความประหยัดน้ำมัน บุคลิกช่วงล่างและพวงมาลัย ก็นับว่ายังไม่ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ซักที
สรุป
ข้อดีของรถคันนี้คือการออกแบบภายนอกและภายใน ที่ละเอียดปราณีต มีความสวยงาม สมรรถนะเครื่องยนต์และช่วงล่างปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ข้อเสียของมันก็คือสมรรถนะความเร็ว และแฮนด์ลิ่ง ยังสู้กับคู่แข่งในระดับเดียวกันไม่ได้ แถมเปลืองน้ำมันมากกว่าเมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้กลับคืนมา หากจะคิดให้ดีๆ แล้วเป็นรถที่ใช้งานไม่คุ้มค่าเอาซะเลย
Aston Martin DB9 ก็เหมือนกับรถทั่วไปที่มีอยู่สองด้านทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังเป็นรถที่น่าปรารถนา และสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจเลยที่มันจะยังได้รับความนิยมจากสังคมไฮโซอย่างไม่เสื่อมคลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น