ถ้าจะกล่าวถึงรถสปอร์ตขนาดเล็กไว้ขับโชว์มาดเท่ห์ๆ
ที่มีราคาไม่สูงเกินเอื้อมนักหลายคนคงจะนึกถึงเจ้า BMW Z4 กับ Mercedes
Benz SLK ซึ่งทั้ง 2 คัน ต่างก็เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย
และด้วยราคาที่ขายตามเต้นท์รถมือสองเพียงแค่ 2 ล้านกลางๆ
ก็อาจทำให้ใครหลายๆคนเกิดกิเลสได้
ในวันนี้เราจะมาดูว่าเจ้ารถสองคันนี้มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกัน
และคันไหนจะมีความน่าสนใจที่จะจับจองเป็นเจ้าของมากกว่ากัน
เริ่มกันที่ข้อมูลทางเทคนิค
BMW Z4 23i
เป็นรถเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว ความจุ 2,494 c.c.
แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250
นิวตัน-เมตร ที่ 2,750 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ
สเต็ปทรอนิค 6 สปีด ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง
มัลติลิงค์
ทางด้าน Mercedes Benz SLK 200 มีเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง
DOHC 16 วาล์ว มีระบบช่วยอัดอากาศด้วยซูเปอร์ขาร์จเจอร์ ความจุ 1,796 c.c.
ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250
นิวตันเมตร มาที่ระหว่าง 2,800-5,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด one touch shift
ถ่ายกำลังลงสู่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์
เปรียบเทียบสมรรถนะของเครื่องยนต์แล้วทั้ง 2
คันให้กำลังที่แตกต่างกันพอสมควร ด้วย Z4
ถือความได้เปรียบที่มีเครื่องใหญ่และมีลูกสูบให้ใช้งานถึง 6 สูบ
จึงได้เปรียบในการทำความเร็วตีนปลาย
แต่ลักษณะของการทำความเร็วจะมาแบบเรื่อยๆ
ไม่ถึงขนาดรู้สึกถึงแรงดึงได้อย่างชัดเจน ต่างจาก SLK
ที่มีซูเปอร์ชาร์จเป็นเครื่องช่วยอัดอากาศ หากลากตั้งแต่ 2,500
รอบขึ้นไปจะทำให้รู้สึกถึงแรงฉุดมากกว่า ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง SLK
จะได้เปรียบเนื่องจากเครื่องยนต์เล็กกว่าย่อมบริโภคน้ำมันน้อยกว่าเป็น
ธรรมดา
ส่วนเรื่องระบบขับเคลื่อนและช่วงล่างทั้งคู่ใช้ระบบขับเคลื่อน 2
ล้อหลัง
ซึ่งสูตรเครื่องวางหน้าขับเคลื่อนล้อหลังในรถสปอร์ตก็นิยมทำกันอย่างแพร่
หลายทั้งในรถญี่ปุ่นและยุโรป
เนื่องจากช่วยในเรื่องของความทนทานและอายุการใช้งาน
เพราะการลดภาระของล้อหน้าลงไป
และยังช่วยไม่ให้เกิดอาการอันเดอร์สเตียร์มากเกินไปจากการสาดโค้งที่ทำให้
เกิดการเทน้ำหนักไปทางด้านหน้า ด้านระบบกันสะเทือนนั้นเนื่องจากทั้ง 2 คัน
เป็นรถสปอร์ตก็คงจะหวังให้ขับนิ่มเหมือนรถเก๋งซีดานก็คงจะไม่ใช่
อาการช่วงล่างของรถสปอร์ตย่อมรู้สึกกระด้างเป็นธรรมดา
เนื่องจากช่วงล่างมีค่าความหนืดของช็อคแอบซอร์บเบอร์มากกว่ารถทั่วไป
และยังเซ็ตค่า K หรือค่าความแข็งของคอยล์สปริงให้มากอีกด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยในการทรงตัวและความรวดเร็วแม่นยำในการควบคุม ใน Z4
ด้านหน้าเป็นระบบกันสะเทือนแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทซึ่งประกอบด้วยปีกนก
ด้านล่าง 1 แกน และชุดสตรัทด้านบนเชื่อมต่อกับ โช้คอัพ และคอยล์สปริง ส่วน
SLK เป็นแบบมัลติลิงค์ทั้งหน้าหลัง
ซึ่งประกอบด้วยปีกนกบนล่างและบู๊ชเพื่อเหนี่ยวรั้งหรือค้ำยัน
และยังมีชิ้นส่วนเชื่อมโยงระหว่างดุมล้อกับตัวถังอีกหลายชิ้น
เปรียบเทียบทั้งสองระบบ SLK ได้เปรียบกว่าในเรื่องของความนุ่มนวล แต่ Z4
ได้เปรียบเวลาถอดซ่อมเพราะชิ้นส่วนน้อยกว่า
จะเห็นได้ว่าเรื่องสมรรถนะการขับขี่นั้นทั้ง 2
คันไม่ได้แตกต่างกันมากนักด้านความเร็วก็ใกล้เคียงกัน
ด้านการทรงตัวและแฮนดลิ่งก็ให้อารมณ์คล้ายๆกัน เพียงแต่ Z4
ได้เปรียบที่เครื่องใหญ่
และการไร้ระบบช่วยอัดอากาศก็มีผลให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยกว่า SLK
ก็ตอกกลับด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันในเมืองที่ต่ำกว่าและให้ความรู้สึกกระฉับ
กระเฉงเวลาออกตัว
ส่วนค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษานั้นย่อมสูงกว่ารถปกติทั้งคู่
ส่วนเลือกคันไหนจะดีกว่านั้นก็คงแล้วแต่ว่าเป็นสาวกฝั่งไหนแล้วล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น