วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เทียบสมรรถนะ BMW Z4 23i VS. Mercedes Benz SLK 200

ถ้าจะกล่าวถึงรถสปอร์ตขนาดเล็กไว้ขับโชว์มาดเท่ห์ๆ ที่มีราคาไม่สูงเกินเอื้อมนักหลายคนคงจะนึกถึงเจ้า BMW Z4 กับ Mercedes Benz SLK ซึ่งทั้ง 2 คัน ต่างก็เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย และด้วยราคาที่ขายตามเต้นท์รถมือสองเพียงแค่ 2 ล้านกลางๆ ก็อาจทำให้ใครหลายๆคนเกิดกิเลสได้ ในวันนี้เราจะมาดูว่าเจ้ารถสองคันนี้มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกัน และคันไหนจะมีความน่าสนใจที่จะจับจองเป็นเจ้าของมากกว่ากัน

เริ่มกันที่ข้อมูลทางเทคนิค        
        BMW Z4 23i เป็นรถเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว ความจุ 2,494 c.c. แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 2,750 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ สเต็ปทรอนิค 6 สปีด ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง มัลติลิงค์
        ทางด้าน Mercedes Benz SLK  200 มีเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว มีระบบช่วยอัดอากาศด้วยซูเปอร์ขาร์จเจอร์ ความจุ 1,796 c.c. ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มาที่ระหว่าง 2,800-5,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด one touch shift ถ่ายกำลังลงสู่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์
        เปรียบเทียบสมรรถนะของเครื่องยนต์แล้วทั้ง 2 คันให้กำลังที่แตกต่างกันพอสมควร ด้วย Z4 ถือความได้เปรียบที่มีเครื่องใหญ่และมีลูกสูบให้ใช้งานถึง 6 สูบ จึงได้เปรียบในการทำความเร็วตีนปลาย แต่ลักษณะของการทำความเร็วจะมาแบบเรื่อยๆ ไม่ถึงขนาดรู้สึกถึงแรงดึงได้อย่างชัดเจน ต่างจาก SLK ที่มีซูเปอร์ชาร์จเป็นเครื่องช่วยอัดอากาศ หากลากตั้งแต่ 2,500 รอบขึ้นไปจะทำให้รู้สึกถึงแรงฉุดมากกว่า ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง SLK จะได้เปรียบเนื่องจากเครื่องยนต์เล็กกว่าย่อมบริโภคน้ำมันน้อยกว่าเป็น ธรรมดา
        ส่วนเรื่องระบบขับเคลื่อนและช่วงล่างทั้งคู่ใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ซึ่งสูตรเครื่องวางหน้าขับเคลื่อนล้อหลังในรถสปอร์ตก็นิยมทำกันอย่างแพร่ หลายทั้งในรถญี่ปุ่นและยุโรป เนื่องจากช่วยในเรื่องของความทนทานและอายุการใช้งาน เพราะการลดภาระของล้อหน้าลงไป และยังช่วยไม่ให้เกิดอาการอันเดอร์สเตียร์มากเกินไปจากการสาดโค้งที่ทำให้ เกิดการเทน้ำหนักไปทางด้านหน้า ด้านระบบกันสะเทือนนั้นเนื่องจากทั้ง 2 คัน เป็นรถสปอร์ตก็คงจะหวังให้ขับนิ่มเหมือนรถเก๋งซีดานก็คงจะไม่ใช่ อาการช่วงล่างของรถสปอร์ตย่อมรู้สึกกระด้างเป็นธรรมดา เนื่องจากช่วงล่างมีค่าความหนืดของช็อคแอบซอร์บเบอร์มากกว่ารถทั่วไป และยังเซ็ตค่า K หรือค่าความแข็งของคอยล์สปริงให้มากอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยในการทรงตัวและความรวดเร็วแม่นยำในการควบคุม ใน Z4 ด้านหน้าเป็นระบบกันสะเทือนแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทซึ่งประกอบด้วยปีกนก ด้านล่าง 1 แกน และชุดสตรัทด้านบนเชื่อมต่อกับ โช้คอัพ และคอยล์สปริง ส่วน SLK เป็นแบบมัลติลิงค์ทั้งหน้าหลัง ซึ่งประกอบด้วยปีกนกบนล่างและบู๊ชเพื่อเหนี่ยวรั้งหรือค้ำยัน และยังมีชิ้นส่วนเชื่อมโยงระหว่างดุมล้อกับตัวถังอีกหลายชิ้น เปรียบเทียบทั้งสองระบบ SLK ได้เปรียบกว่าในเรื่องของความนุ่มนวล แต่ Z4 ได้เปรียบเวลาถอดซ่อมเพราะชิ้นส่วนน้อยกว่า
        จะเห็นได้ว่าเรื่องสมรรถนะการขับขี่นั้นทั้ง 2 คันไม่ได้แตกต่างกันมากนักด้านความเร็วก็ใกล้เคียงกัน ด้านการทรงตัวและแฮนดลิ่งก็ให้อารมณ์คล้ายๆกัน เพียงแต่ Z4 ได้เปรียบที่เครื่องใหญ่ และการไร้ระบบช่วยอัดอากาศก็มีผลให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยกว่า SLK ก็ตอกกลับด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันในเมืองที่ต่ำกว่าและให้ความรู้สึกกระฉับ กระเฉงเวลาออกตัว ส่วนค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษานั้นย่อมสูงกว่ารถปกติทั้งคู่ ส่วนเลือกคันไหนจะดีกว่านั้นก็คงแล้วแต่ว่าเป็นสาวกฝั่งไหนแล้วล่ะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น