วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Dead or Alive กับ MG6 Version ไทย


MG แบรนด์รถยนต์จากอังกฤษที่ห่างหายจากวงการมานานแสนนาน ในปี 2014 นี้ ได้มาบุกตลาดในประเทศไทยโดยกลุ่มทุน CP ของไทยและกลุ่มทุน SAIC จากจีน เน้นเจาะตลาด รถยนต์ C+D-Segment โดยวางตัวไว้ระหว่าง รถเก๋งซีดาน C-Segment (Honda Civic, Toyota Corolla Altis, Mazda 3) กับรถ D-Segment (Honda Accord, Toyota Camry, Nissan Teana) ซึ่งคู่แข่งแต่ละรายล้วนเป็นคู่แข่งที่หินพอสมควร ซึ่งจะว่าไปแล้วเปรียบเทียบกับคูแข่งเรียกว่า MG6 นั้นไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นกว่าเลยแม้แต่น้อยนอกจากจะโฆษณาว่าเป็นรถยุโรป เป็นแบรนด์จากอังกฤษ ซึ่งคนที่ไม่เคยรู้กิตติศัพท์ของแบรนด์นี้ ก็คงคิดไปถึงรถหรูอย่าง Jaguar, Land Rover, Bentley อะไรไปโน่น แต่จริงๆภาพลักษณ์ของ MG ในประเทศต้นกำเนิดอย่างประเทศอังกฤษเองยังตีค่าแบรนด์ MG ไว้ต่ำกว่ารถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แถมยังเป็นยี่ห้อที่ขาดความน่าเชื่อถือแบบสุดๆ ถ้าคนที่ไม่ชาตินิยมจริงๆ คงไม่ซื้อ ลองมาดูราคาแต่ละรุ่นที่มาขายในประเทศไทยกัน
รุ่น Fastback
1.8X Turbo DCT ราคา 1,108,000 บาท
1.8D Turbo DCT ราคา 968,000 บาท
1.8X Turbo Sunroof DCT ราคา 1,128,000 บาท
1.8D Turbo Sunroof DCT ราคา 988,000 บาท
รุ่น Sedan
1.8X Turbo DCT 1,098,000 บาท
1.8D DCT 898,000 บาท
1.8C DCT 848,000 บาท
1.8X Turbo Sunroof DCT 1,118,000 บาท
1.8D Sunroof DCT 918,000 บาท
โอ้โห อะไรจะปานนั้น ลองมาเทียบกับเจ้าตลาดกันดู
All New Honda Civic
รุ่น 1.8S  MT   780,000 บาท
รุ่น 1.8S  AT   835,000 บาท
รุ่น 1.8E  AT    895,000 บาท
รุ่น 1.8ES  AT   950,000 บาท
รุ่น 1.8E  AT  Navi  990,000 บาท
รุ่น 2.0ES  AT Navi  1,145,000 บาท
ราคาใกล้เคียงกันแบบนี้คนไทยก็คงหาคำตอบได้ไม่ยากแล้วล่ะครับว่าจะเลือก อะไร ลองมองหาเหตุผลที่ MG6 จะเอาชนะคู่แข่งกันบ้าง เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกต้องถือว่าไม่ผ่าน ดูเป็นรถจีนซะขนาดนั้น แถมดูไปดูมาดันไปคล้าย Proton รถเพื่อนบ้านมาเลเซียของเรานี่เอง option ที่ได้ก็ลองไปกางโบรชัวร์เทียบกับคู่แข่งดูเลย ไม่มีอะไรวิเศษวิโสกว่ามากมายนอกจากหลังคา Sunroof กับประเทศที่ร้อนตับแล่บอย่างไทยเนี่ยนะ การตกแต่งภายในถือว่าดูดีค่อยมีคะแนนตีตื้นขึ้นมาหน่อย ซึ่งดูเรื่องภาพลักษณ์ ความคุ้มค่า กับ option แล้ว ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะไปสู้กับแบรนด์ตลาดได้ยังไง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาสู้กันที่เครื่องยนต์และสมรรถนะกันแล้วล่ะ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปมาว่า เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบ 161 แรงม้า นั้นให้อัตราเร่งใกล้เคียงกับ Ford Focus 1.6 Ecoboost คือ 0-100 ภายใน 8.8 วินาที ก็ถือว่าดีสำหรับรถซีดาน แต่เครื่องยนต์ยังกินน้ำมันจุอยู่ด้วยเทคโนโลยีสมัยพระเจ้าเหาของเครื่อง K-Series ที่ยกมาจาก Rover ถึงแม้จะผลิตมาจากอลูมิเนียม โดยอ้างว่าจะช่วยลดน้ำหนักให้เบาขึ้น แต่ความแข็งแกร่งยังคงเดิม แต่น้ำหนักโดยรวมยังแอบหนักกว่าคู่แข่งอยู่อีก ที่เป็นจุดแข็งของ MG6 จริงๆ นั้นจะเป็นสมรรถนะการทรงตัว การควบคุม และช่วงล่าง อาจจะเป็นเพราะรถมีความสูงจากพื้นต่ำ และยางแก้มเตี้ย แต่กระนั้นก็ยังสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนโดยไม่รู้สึกว่ากระด้างเกินไป พวงมาลัยคมและแม่นยำน้ำหนักดี เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ตัวถังไม่โคลงมากเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็ว
ดังนั้นจะสามารถสรุปได้ว่าตัวรถนั้นเทียบกับคู่แข่งแล้ว อัตราเร่งดี แต่ยังมีเทอร์โบแล็คอยู่ และยังไม่ประหยัด ช่วงล่างและการควบคุมดีกว่าชัดเจนถ้าเทียบกับ Honda Civic, Toyota Altis พอๆกับ Ford Focus, Chevrolet Cruze, Mazda 3, Mitsubishi Lancer EX หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ มีแอบใกล้เคียง BMW Series 3 แต่ก็ยังด้อยกว่านิดนึง ซึ่งถ้าจะมโนบุคลิกการขับขี่ของช่วงล่างจะรู้สึกว่าคล้าย Lancer EX มากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เอาไปต่อกรกับคู่แข่งได้ก็คือช่วงล่างนี่เอง ดูแล้วสิ่งที่จะทำให้ MG อยู่รอดในตลาดในระยะสั้นก็คือ การโฆษณา แคมเปญ โปรโมชั่น ในระยะยาวก็คือ บริการหลังการขาย ถ้าทำตรงนี้ได้ดี MG ก็อาจจะทำยอดขายแซงบางยี่ห้อที่ศูนย์บริการแย่ก็ได้
ใครสนใจ MG6 สามารถอ่าน Full Review ของ Autocar UK ได้ตามลิ้งค์นี้
http://www.autocar.co.uk/car-review/mg-motor/mg6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น