วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ไขข้อข้องใจกับน้ำมัน E85

ด้วยราคาน้ำมันในยุคปัจจุบันนี้มีราคาสูงขึ้นตลอด จึงมีการคิดค้นพลังงานทดแทนชนิดต่างๆขึ้นมามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือน้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 ซึ่งมีราคาต่ำกว่า เบนซิน และแก็สโซฮอลล์ 91, 95 แต่ E85 จะช่วยลดต้นทุนในการเดินทางของคุณหรือเปล่า เรายังต้องหาคำตอบกัน
อันดับแรกเราควรทำความรู้จักกับ E85 ก่อน ว่าคืออะไร อธิบายง่ายๆ ก็คือ E85 คือเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสม ของเอทานอล 85% กับเบนซิน 15% E85 จะปล่อยมลภาวะน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน แต่หลายคนยังมีข้อสงสัยว่าเติม E85 แล้ว อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง คำตอบก็คืออัตราสิ้นเปลืองมากขึ้น เพราะ ค่าความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้เอทานอลนั้นจะได้ค่าความร้อนที่น้อยกว่าน้ำมันเบนซิน เครื่องยนต์จึงต้องมีการเพิ่มอัตราส่วนระหว่างอากาศกับเชื้อเพลิง ในอัตราเชื้อเพลิงที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับเบนซิน
E85 ทำให้สมรรถนะเครื่องยนต์ลดลงหรือไม่ ถ้าหาก E85 ใช้ในรถยนต์ที่รองรับกับเชื้อเพลิงชนิดนี้ ก็จะไม่ส่งผลให้สมรรถนะเครื่องยนต์ลดลง กลับกันจะช่วยลดอาการเขกของเครื่องยนต์ เนื่องจาก E85 มีค่าออกเทนถึง 100-105 จึงช่วยลดการชิงจุดระเบิด (ค่าออกเทนคือค่าความต้านทานการจุดระเบิดยิ่งค่าออกเทนสูงยิ่งมีความต้านทานการจุดระเบิดสูงตามไปด้วย ค่าออกเทนคือสัดส่วนระหว่าง iso-octane และ heptane ที่อาจมีสารอื่นปนอยู่ด้วย หากค่าออกเทน 95 ก็คือ iso-octane 95% และ heptane 5% ค่า 100 ก็คือ iso-octane บริสุทธิ์ที่มีความต้านทานการจุดระเบิดมากที่สุด แต่ก็มีสารบางชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า Iso-octane บริสุทธิ์ อย่างเอทานอล โดยเอทานอลบริสุทธิ์ จะมีค่าออกเทน ที่ 107-113 เมื่อผสมเข้ากับน้ำมันเบนซิน กลายเป็น E85 แล้ว ก็จะได้ออกเทน 100-105 ซึ่งหมายความว่ามีความต้านทานการจุดระเบิด เท่ากับหรือมากกว่า iso-octane บริสุทธิ์)แต่คุณสมบัติการดูดความชื้นของเอทานอล จะสร้างปัญหาเมื่อจอดรถทิ้งไว้นานๆ เอทานอล จะแยกตัวออกจากเบนซิน และดูดความชื้นเอาไว้ทำให้เกิดการกัดกร่อน และเป็นสนิมนั่นเอง
 รถหลายรุ่นสามารถรองรับ E85 ได้เช่น Mitsubishi Lancer EX, Chevrolet Cruze และ Sonic, Toyota Corolla Altis, Honda, Civic และ City,  Mazda 3 Skyactive, Volvo V40 ไปจนถึง Bentley Continental GT
ส่วนรถที่ไม่รองรับแต่ต้องการเติม E85 สามารถทำได้โดย ติดชุด Kit E85, แก้ไขโปรแกรมในกล่องควบคุม, พ่วงหรือเปลี่ยนกล่องควบคุม และต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆให้พร้อมกับการใช้งาน เช่น ท่อยางต่างๆ ถังน้ำมัน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อทางเดินเชื้อเพลิง หัวฉีด เป็นต้น
เพิ่มเติมอาการชิงจุดระเบิด คือ การที่เครื่องยนต์จุดระเบิดก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนที่ถึงจุดศูนย์ตายบน เนื่องจากน้ำมันค่าออกเทนต่ำมีความต้านทานการจุดระเบิดต่ำ ทำให้เมื่อถูกแรงอัดอากาศสูงๆ จึงเกิดติดไฟได้เองโดยไม่ต้องมีสื่อกลางในการจุดระเบิดเช่นหัวเทียนหรือคอยล์จุดระเบิด ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สูญเปล่าหรืออย่างหนักเลยก็คือเครื่องน็อกหยุดการทำงานเพราะการจุดระเบิดสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์ การที่ E85 มีค่าออกเทนสูงถึง 100-105 จึงช่วยลดอาการเหล่านี้ได้เพราะมีอัตราการต้านการจุดระเบิดสูง แต่ค่าออกเทนสูงก็ไม่ได้ช่วยให้เครื่องยนต์แรงขึ้นแต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น