รูปลักษณ์ภายนอก
Range Rover Evoque |
ด้านท้าย Evoque |
ภายใน
ออกแบบได้อย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติ พื้นที่ใช้สอยจัดสรรได้อย่างลงตัว ทัศนะวิสัยด้านหน้าชัดเจนดี แต่ด้านหลังที่มีพื้นที่กระจกค่อนข้างเล็กและแคบอาจจะส่งผลต่อการมองเห็นนิดหน่อย พื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังมีให้ใช้อย่างพอเพียงถึงแม้จะออกแบบหลังคาให้ลาดเอียงไปทางด้านหลังแต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เหนือศีรษะมากนัก ถ้าคนนั่งมีสรีระที่ไม่สูงมาก พื้นที่วางขามีให้อย่างพอเพียง พื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและคนขับมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ เบาะนั่งโอบกระชับให้สัมผัสที่รู้สึกได้ถึงความหรู คอนโซลหน้าตกแต่งได้อย่างปราณีต วัสดุที่ใช้มีคุณภาพดี เรียกว่าคุณภาพวัสดุและความพิถีพิถันในการตกแต่งทำได้ดีกว่า SUV จากเยอรมัน แน่นอนขึ้นชื่อว่ารถที่ออกแบบโดยเจ้าแม่แฟชั่นอย่าง Victoria Beckham มันต้องทำได้อย่างนี้ การเก็บเสียงในห้องโดยสารที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเสียง 65 เดซิเบล ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจหากเทียบกับขนาดตัวถัง ขนาดเครื่องยนต์ ขนาดล้อและยางที่ใช้ และแรงเสียดทานที่ได้รับ แต่สิ่งที่รู้สึกขัดใจเห็นจะเป็นที่เปลี่ยนเกียร์แบบปุ่มหมุน ที่สิ่งนี้มันควรไปอยู่บนตู้อบไมโครเวฟหรือเครื่องเสียงดีกว่าที่จะมาอยู่ในตำแหน่งเปลี่ยนเกียร์
ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ |
เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.2 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ ที่สร้างแรงม้า 190 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร อาจจะดูตัวเลขไม่ค่อยหวือหวา ดูผิวเผินตัวเลขแค่นี้มันอยู่ในระดับเดียวกับรถกระบะอย่าง Nissan Navara NP-300 แค่นั้น แต่ด้วยพื้นฐานวิศวะกรรมที่ล้ำหน้ากว่าทำให้รถน้ำหนัก 1,715 กิโลกรัม ขับเคลื่อนสี่ล้อคันนี้ทำสมรรถนะอัตราเร่งได้เหนือกว่ารถที่มี 190 แรงม้าทั่วๆไป โดยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่มาตรวัดทำได้ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
0-100 km/h and 1,000m. acceleration |
ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. |
ส่วนการวิ่งทางตรงระยะ 1,000 เมตรหรือ 1 กิโลเมตร Range Rover Evoque เข้าเส้นชัยภายใน 30.2 วินาที โดยความเร็วจบที่ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-160 กม./ชม. |
อัตราเร่ง 0-180 กม./ชม. |
ช่วงล่างหรือระบบรองรับ
เป็นช่วงล่างที่ผสมผสานความนุ่มและความหนึบอย่างลงตัว ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะวิ่งบนไฮเวย์ หรือลุยพื้นที่ทุรกันดาร เพราะ มีโหมด Terrain Response ที่สามารถปรับแต่งการกระจายแรงบิดให้เข้ากับภูมิประเทศได้ สามารถปรับตามลักษณะถนนแบบต่างๆ ได้ จึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปไม่เป็นเวลาขับบนถนนที่มีสภาพแตกต่างกัน ประสิทธิภาพการลุยหากติดตามรายการ Top Gear หรือรายการที่เกี่ยวกับการทดสอบรถยนต์อื่นๆ ก็จะเห็นได้ว่ามันยังมีประสิทธิภาพการลุยพื้นที่ทุรกันดารได้ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาหรือทะเลทราย ลุยน้ำลุยโคลนลุยหิมะ แม้จะมีหน้าตาค่อนข้างสำอางค์ คือถ้าคุณไม่รู้สึกเสียดายกับรูปลักษณ์ที่สวยงามของมันก็พาไปลุยได้เลยในทุกรูปแบบ สำหรับการวิ่งบนทางหลวงการทรงตัวเวลาเข้าโค้งมีความมั่นคงไม่รู้สึกเลยว่าเป็นการเข้าโค้งของ SUV ที่มีน้ำหนักถึง 1,715 กิโลกรัม มันรู้สึกมั่นคงกว่ารถเก๋งซีดาน D-Segment ของญี่ปุ่นแน่นอน พวงมาลัยมีน้ำหนักเหมาะสมสัมพันธ์กับความเร็ว ระบบความปลอดภัยก็จัดเต็มติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ที่ขาด้านคนขับ ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างรอบทิศทางทั้งแถวหน้าแถวหลัง ทั้งยังมีระบบตรวจจับหลุมบ่อและสิ่งกีดขวางบนพื้นถนนอีก แถมมีระบบช่วยเหลือในการขับขี่สารพัด ประสิทธิภาพเบรคไว้ใจได้โดยสามารถหยุดความเร็วจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในระยะ 128 ฟุต หรือ 39 เมตร เท่านั้น
สรุป
เป็นรถครอบครัวที่ใช้งานได้ดีมีความเอนกประสงค์ สมรรถนะดีประหยัดน้ำมันในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ข้อเสียอย่างเดียวคือการออกแบบปุ่มเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น
ดู FULL SPECIFICATION
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น