วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Audi TT Mk3 ขอยืมดีไซน์ Lamborghini มาซิ่ง

Audi TT ผลิตมาได้ 3 Generations แล้ว โดย Generation ก่อนหน้านี้ที่ใช้รหัส Mk2 ก็กลายเป็นรถสปอร์ตยอดฮิตในเมืองไทยไม่แพ้รถจากค่าย Benz กับ BMW กลับมาครั้งนี้กับรหัส Mk3 รูปลักษณ์ภายนอกดูดุดันมีเส้นสายคมกริบและมี่เหลี่ยมสันมากขึ้น ก็ต้องดูว่าจะเป็นรถยอดนิยมเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า

รูปลักษณ์ภายนอก
Audi TT Mk3

ท้าย TT
มีดีไซน์ดุดันขึ้นด้านหน้ามีการเอาเส้นสายของ Lamborghini Huracan มาใช้อยู่บ้าง ด้านหลังก็มีการเอาดีไซน์ของ Porsche มาประยุกต์ใช้ ถือเป็นการ Mix and Match รถในเครือ Volkswagen อย่างลงตัว ตำแหน่งสปอยเลอร์หลังมันจะโผล่ยื่นออกมาเมื่อความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ปลายท่อไอเสียเป็นแบบทรงกลม 2 ท่อแยกออกจากกัน โครงสร้างตัวถังส่วนใหญ่เป็นโลหะผสมอย่างเหล็กและอะลูมีเนียม จึงทำให้มีน้ำหนักเบา โดย TT รุ่นมาตรฐานมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,230 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนมิติตัวถัง ยาว*กว้าง*สูง เท่ากับ 4,177*1,832*1353 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,505 มิลลิเมตร

ภายใน
การออกแบบภายในถือว่าทำได้อย่างหรูหราวัสดุที่ใช้เป็นวัสดุชั้นดี มีดีไซน์ภายในที่แสดงความดิบกร้าวของรถสปอร์ตอย่างมีสัดส่วนพอเหมาะ จนมีความรู้สึกแว้บๆ นิดนึงว่าเหมือนนั่งอยู่ใน Lamborghini Aventador การออกแบบห้องโดยสารภายในได้รับอิทธิพลมาจากการออกแบบห้องโดยสารของนักบินอยู่พอสมควร ส่วนของช่องแอร์ทรงกลมดูคล้ายกับส่วนปล่อยไอพ่นของเครื่องบิน เบาะนั่งจัดวางในตำแหน่งที่ต่ำตามมาตรฐานของรถสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปาดตอนล่างให้เป็นเส้นตรง ลักษณะเป็นวงกลมที่ถูกตัดส่วนโค้งออกตรงด้านล่าง แต่งตะเข็บพวงมาลัยด้วยกรอบอะลูมีเนียม มีระบบอินโฟเทนเม้นท์ MMI อำนวยความสะดวกและให้ความบันเทิงไปกับการขับขี่

ภายใน TT
ขุมพลังของเครื่องยนต์และสมรรถนะอัตราเร่ง, ความเร็วสูงสุด
แบ่งย่อยออกเป็น 3 ระดับ ในรุ่นมาตรฐาน มีขุมพลังให้เลือก 2 แบบคือ
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TFSI ให้แรงม้า 230 แรงม้า และแรงบิด 370 นิวตัน/เมตร ในรุ่นเกียร์ธรรมดาขับเคลื่อนล้อหน้าทำสมรรถนะอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด S Tronic พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro จะทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ดีขึ้นที่ 5.3 วินาที มีอัตราสิ้นเปลือง 6.8 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 14.7 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อย Co2 159 กรัมต่อกิโลเมตร
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร TDI ให้แรงม้า 184 แรงม้า และให้แรงบิด 380 นิวตัน/เมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ใน 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลือง 4.2 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยไอเสีย 110 กรัมต่อกิโลเมตร
ส่วนรุ่นท็อปตัวแรงของค่าย Audi TTS 2.0 TFSI Quattro ให้แรงม้า 310 แรงม้า และแรงบิด 380 นิวตัน/เมตร ที่ 1,800-5,700 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดก็ยังจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นเดิม

สรุป
ดูจากขุมกำลังแล้วน่าจะเอาชนะใจขาซิ่งได้ไม่ยาก และก็อาจจะใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีด้วยเพราะก่อมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันกว่ารถสปอร์ตทั่วไปที่มีความแรงอยู่ในระดับนี้ ก็อยู่ที่ว่าบ้านเราจะมีใครนำเข้ามาบ้าง ซึ่งปัจจุบันหาตัวแทนจำหน่าย Audi ในไทย ที่ดีๆ หาได้ยากยิ่ง มีอยู่ไม่เกิน 2-3 เจ้า ดูแล้วความหวังที่จะได้สัมผัสรถคันนี้ได้อย่างเร็วที่สุด คงต้องไปตกอยู่กับผู้นำเข้าอิสระเสียแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น