วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เปรียบเทียบ Nissan Sylphy 1.8V VS. Mitsubishi Lancer EX 1.8 GLS LTD.


ซีดาน C-Segment กลุ่มรถที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย ลูกค้าบางกลุ่ม ต้องมีรถประเภทนี้ไว้ซักคันหนึ่ง แม้ว่าจะมีรถหรูรถแพงไว้อยู่แล้วก็ตาม รถกลุ่มนี้จึงเป็นรถกลุ่มมาตรฐานมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก ในพิกัดความจุ 1.6, 1.8 และ 2.0 ลิตร วันนี้ขอยกมา 2 ยี่ห้อ ในพิกัด 1.8 ลิตร โดยเริ่มการเปรียบเทียบที่

รูปลักษณ์ภายนอก
Nissan Sylphy
ดีไซน์เรียบหรูภูมิฐาน มีส่วนคล้ายกับ ซีดาน D-Segment ของค่ายอย่าง Nissan Teana เหมือนกับเป็นพี่น้องฝาแฝด ทั้งไฟหน้าและไฟหลังของ Sylphy ประดับไปด้วยหลอดไฟ LED รวมแล้วถึง 54 จุด ให้แสงสว่างอย่างสวยงามในยามค่ำคืน จึงมองดูหรูหราไม่แพ้รถที่มีราคาแพงกว่า

Mitsubishi Lancer EX
รูปทรงภายนอกดุดันคมเข้ม มีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ Evolution อย่าง Lancer Evolution X หากไม่สังเกตดีๆ แทบแยกไม่ออกว่าคันไหน EVO คันไหน EX และถ้า Lancer EX คันนี้เสริมชุดแต่งเข้าไปอีกจะดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

ภายใน
สำหรับ Sylphy ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายดูแล้วสบายตา ในขณะที่ห้องโดยสารก็กว้างขวาง มองผ่านกระจกออกไปข้างนอกแล้วรู้สึกโปร่ง นั่งอยู่ข้างในจึงรู้สึกโล่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้อย่างพอเพียงแต่ยังขาดความหลากหลาย ส่วน Lancer EX จะติดตั้งเบาะนั่งต่ำลงมาเล็กน้อย ลักษณะแบบรถสปอร์ต มุมมองด้านใต้กระโปรงหน้าอาจถูกบดบังไปบ้าง ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ลงตัวแฝงไปด้วยอารมณ์แบบรถสปอร์ต ถึงแม้ห้องโดยสารจะไม่หว้างขวางเท่า Sylphy แต่โดยรวมก็ไม่รู้สึกว่าแคบหรืออึดอัดแต่ประการใด ในขณะที่การเก็บเสียงในห้องโดยสารที่ความเร็ว 60 กม./ชม. Sylphy มีเสียง 62 เดซิเบล EX 56 เดซิเบล ส่วนในระดับความเร็วอื่นๆ เป็นดังนี้

80 กม./ชม. Sylphy 65 เดซิเบล EX 61 เดซิเบล
100 กม./ชม. Sylphy 67 เดซิเบล EX 63 เดซิเบล
120 กม./ชม. Sylphy 69 เดซิเบล EX 68 เดซิเบล

เทียบกันแล้ว Lancer EX ที่บางคนพูดว่าห้องโดยสารเก็บเสียงไม่ค่อยดีแต่ตัวเลขออกมานับว่าดีกว่า Sylphy อยู่นิดหน่อย แต่ถ้ารถสองคันขับช้าลงหน่อยจะเป็น Lancer EX ที่เก็บเสียงได้ดีกว่าถึง 4 เดซิเบล

สมรรถนะเครื่องยนต์และอัตราเร่ง
รถทั้งสองคันมีแรงม้าต่างกันไม่มากนัก Sylphy มี 131 แรงม้า ส่วน EX มี 139 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น Sylphy ทำได้ดีกว่าที่ 11.9 วินาที ส่วน Lancer EX ทำได้ 12.8 วินาที ช้ากว่ากันเกือบ 1 วินาที แต่อัตราเร่ง 0-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น Lancer EX ทำได้ดีกว่าที่ 23.4 วินาที ส่วน Sylphy ทำได้ 23.7 วินาที และอัตราเร่งแซง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Lancer EX อยู่ที่ 8.4 วินาที ส่วน Sylphy ทำได้ 8.7 วินาที ในขณะที่การวิ่งทางตรงระยะทาง 1 กิโลเมตร Sylphy ทำได้ 33.5 วินาที ความเร็วจบที่ 157.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน Lancer EX ทำได้ 33.9 วินาที โดยความเร็วจบที่ 162.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วสูงสุดเท่ากันที่ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อัตราประหยัดน้ำมันหากเดินทางด้วยความเร็วคงที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น Sylphy ประหยัดกว่าที่ 13.4 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วน Lancer EX ทำได้ 11.2 กิโลเมตรต่อลิตร

สรุปให้สั้นๆก็คือ Sylphy ได้เปรียบในเรื่องความเร็วต้นและอัตราประหยัดน้ำมัน ส่วน Lancer EX จะได้ในเรื่องความเร็วปลายและอัตราเร่งแซง ซึ่งความรู้สึกในการขับขี่นั้นเป็น Lancer EX ที่ขับสนุกกว่าเวลาคิ๊กดาวน์แต่ละครั้งมีแรงฉุดแรงดึงให้รู้สึกมากกว่า ส่วน Sylphy อัตราเร่งจะเป็นแบบขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเน้นความนุ่มนวล

ช่วงล่างหรือระบบรองรับ
Lancer EX มีช่วงล่างที่รู้สึกกระด้างในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับเด้งเป็นสันนิบาต การเกาะถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม จนอาจจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงล่างของ BMW Series 3 (E90) ที่ทั้งความกระด้างและความเกาะถนนรู้สึกคล้ายคลึงกันมาก ส่วน Sylphy จะเป็นช่วงล่างแบบขับนิ่มและนั่งสบาย แต่ความหนึบแน่นก็ยังพอใช้ได้ มีความมั่นคงและบังคับควบคุมง่าย ส่วนระบบเบรคเป็น Lancer EX มีระยะเบรคสั้นกว่าที่ 100-0 กม./ชม. ใช้ระยะเบรค 43.2 เมตร ส่วน Sylphy ทำได้ 44.2 เมตร แต่ถ้าขับไม่เกิน 80 กม./ชม.แล้วเบรคจนหยุดนิ่ง เป็น Sylphy ที่ทำได้ดีกว่า 27.5 เมตร Lancer EX ทำได้ 28.9 เมตร

สรุป
เป็นรถที่สมรรถนะทัดเทียมกันในแทบทุกด้าน ซึ่งทั้งคู่มีแนวทางแตกต่างกันอย่างชัดเจนแสดงออกมาจากทั้งรูปลักษณ์ภายนอก การตกแต่งภายใน และความรู้สึกในการขับขี่ Sylphy เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเรียบหรูขับสบาย Lancer EX เหมาะสำหรับคนขับรถห้าว มีบุคลิกแฝงความเป็นรถสปอร์ต ซึ่งสุดท้ายคงต้องมาตัดสินกันที่ราคาและออปชั่น Lancer EX มีราคา 879,000 บาท Sylphy มีราคา 899,000 บาท ก็นับว่าต่างกันไม่มากเพียง 20,000 บาท และดูออปชั่นอุปกรณ์ต่างๆ ถือว่าไม่ต่างกันมากมาย บางอย่างไม่จำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม คงเป็น Mitsubishi ที่ขยันแจกเป็นว่าเล่นจนรถทุก Segment คิดราคาคำนวณออกมาแล้วอาจจะถูกกว่ายี่ห้ออื่นทุกยี่ห้อ เรื่องบริการหลังการขายความน่าเชื่อถือของศูนย์บริการยังคงวัดไม่ได้ เพราะ ศูนย์ต่างพื้นที่ก็มีบริการที่แตกต่างกัน บางที่ก็ดีบางพื้นที่ก็ไม่ดี case ต่างๆ มันก็แล้วแต่ แต่ละกรณีไป จะมาเหมารวมทั้งหมดไม่ได้ ในด้านนี้จึง no comment แต่เท่าที่ประสบพบเจอมากับตัวเองทั้งศูนย์ Nissan กับ Mitsubishi ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ Mitsubishi ไปแค่เบิกอะไหล่เท่านั้น ส่วนการซ่อมส่วนใหญ่จะซ่อมอู่นอก ส่วน Nissan ไม่เคยซื้อใช้ เคยแต่ลองขับ จึงฟังมาจากเจ้าของรถอีกที สรุปว่ายังไม่เคยเจอปัญหาอะไรจากทั้งสองค่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น