รูปลักษณ์ภายนอก
Volkswagen Tiguan |
BMW X3 |
BMW X3 ใน Platform F25 ภายนอกถึงแม้จะถือว่าดูดีมีราคาก็เถอะ แต่ดีไซน์ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย มันเหมือนๆ BMW X ทั้งหลายแหล่นั่นแหละไล่เรียงกันไป 1,3,4,5,6 ที่มีดีไซน์ต่างกันเพียงเล็กน้อยเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น แต่ที่ต่างกันมากๆจะเป็นสัดส่วนของรถมากกว่า จะว่าไปมันก็ง่ายดีเหมือนกันที่รถแต่ละรุ่นผลิตออกมาหน้าตาคล้ายๆ กันแบบนี้ เพียงแต่เปลี่ยนขนาดเท่านั้น ก็สามารถแบ่งราคาขายได้แตกต่างกัน (ยังไม่พูดถึงเครื่องยนต์และออปชั่นที่ต่างกัน) มิติตัวรถ ยาว*กว้าง*สูง เท่ากับ 4,648*1,881*1,675 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,810 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,800 กิโลกรัม
ภายใน
Volkswagen Tiguan ออกแบบจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ภายในรถได้ดีถูกต้องตรงตามหลักสรีระศาสตร์ พื้นที่ใช้สอยภายในสามารถปรับเปลี่ยนใช้งานได้หลายรูปแบบ แม้หน้าตาภายในจะดูเก่าไปบ้าง แต่สำหรับเรื่องเทคโนโลยีของอุปกรณ์ภายในถือว่าทันยุคทันสมัย ใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพ รถคันนี้เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดแล้วสำหรับรถในกลุ่มเดียวกัน
BMW X3 ภายในพยายามเพิ่มออปชั่นให้มากเข้าไว้แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่ฉาบแค่เปลือกนอกใช้งานจริงๆ ก็ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ปุ่มอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงจัดวางไว้ในตำแหน่งผิดที่ผิดทาง ไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนสำคัญอย่างตำแหน่ง พวงมาลัย เบาะนั่ง เกียร์ คันเร่ง และแป้นเบรก ที่รู้สึกว่าการจัดวางตำแหน่งจะเพี้ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลให้เกิดการเมื่อยล้าในการขับขี่ได้
เทียบกันแล้วถึงแม้ห้องโดยสารของ BMW X3 จะกว้างกว่าแต่การจัดสรรพื้นที่และการจัดวางอุปกรณ์มันยังดูแปลกๆ เลยไม่ทำให้รู้สึกว่าใช้งานง่าย หรือนั่งแล้วรู้สึกสบายเลย มันอาจจะรู้สึกสบายเมื่อเทียบกับรถในระดับที่ต่ำกว่า แต่เมื่อเทียบกับ Volkswagen Tiguan แล้ว ถือว่า BMW X3 ยังทำได้ไม่ดีพอ
สมรรถนะเครื่องยนต์ อัตราเร่ง
Volkswagen Tiguan ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร ให้แรงม้า 140 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิด 320 นิวตัน/เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มันสามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 10.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 182 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราประหยัดน้ำมัน 17.24 กิโลเมตรต่อลิตร
BMW X3 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส N47 ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตัน/เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราประหยัดน้ำมัน 16.49 กิโลเมตรต่อลิตร
การขับขี่ก็เป็นอย่างที่ตัวเลขมันบอก X3 ชนะขาดเป็นรถที่ให้อัตราเร่งได้มันส์มากเครื่องแรงประหยัดน้ำมัน ในด้านการทำความเร็วแล้ว X3 ทำได้ดีไม่มีที่ติ ดีกว่ารถ SUV ประเภทเดียวกันทุกรุ่นในระดับราคา 3-4 ล้านบาท ดีกว่า Range Rover Evoque ดีกว่า Freelander 2 ดีกว่า Volvo XC60 D4 และแน่นอนดีกว่า Volkswagen Tiguan คันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงแม้ Volkswagen Tiguan จะอืดกว่าเยอะแต่ก็ให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า เมื่อมองจุดนี้แล้วตามความตั้งใจในการผลิตรถยนต์เอนกประสงค์มันควรเน้นการใช้งานมากกว่าเรื่องของความเร็วและความสนุก ซึ่งอัตราเร่งและความเร็วของ Volkswagen Tiguan ก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ยิ่งบวกกับอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเช่นนี้แล้ว ขุมพลังของ Volkswagen Tiguan ก็ยังเป็นที่น่าสนใจอยู่
ช่วงล่าง การควบคุม
Volkswagen Tiguan ช่วงล่างดีไม่มีที่ติ มีความเฟิร์ม ไม่ย้วย ไม่กระด้าง นั่งแล้วรู้สึกสบาย เข้าโค้งได้นิ่งและมั่นคง พวงมาลัยเฟิร์มกำลังดี ลงตัวทั้งในการใช้งานย่านความเร็วต่ำและความเร็วสูง แถมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาแบบ 4Motion ก็ลุยออฟโร้ดได้อย่างไม่ลำบากลำบนอะไรกับถนนลูกรังหรือลูกระนาดในชนบท การวิ่งบนไฮเวย์ควบคุมเสถียรภาพได้ดีเฉกเช่น Volkswagen Golf ซึ่งว่ากันว่าเป็นแฮทช์แบ็คที่มีแฮนด์ลิ่งที่ดีที่สุด Tiguan คันนี้ก็ทำได้ใกล้เคียงกับที่ Golf ทำได้ เพียงแต่ลักษณะการควบคุมของ Tiguan จะออกแนวรถ SUV ที่น้ำหนักมากและใหญ่กว่า แต่ก็ทำให้มันเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งทางทุรกันดารไปด้วย ซึ่งการเซ็ตช่วงล่างรับมือกับถนนไม่ปกตินั้น Tiguan ทำได้ดีกว่า X3 ขั้นหนึ่ง ถึงแม้จะมี Platform จากรถแฮทช์แบ็คก็ตามและบุคลิกการขับบนถนนยางมะตอยก็คล้ายๆ แฮทช์แบ็ค แต่การรับมือถนนออฟโร้ดที่ไม่หนักมากก็ยังทำได้ดี
BMW X3 ก็ช่วงล่างดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปสนใจโหมดการขับขี่ Normal, Sport, Sport+ เพราะเปลี่ยนไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเพียงการตอบสนองของรอบเครื่องในการเหยียบคันเร่งที่ดูแล้วไม่ว่าจะ Normal หรือ Sport ก็ไม่ต่างกัน ปรับไปโหมด Sport, Sport+ แล้ว พวงมาลัยจะหนืดขึ้นช่วงล่างกระด้างขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้ช่วยสมรรถนะการขับขี่ให้ดีขึ้นหรือแย่ลงแต่อย่างได้ มันส่งผลต่อความรู้สึกคนขับเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อสมรรถนะจริงๆ ช่วงล่างของ X3 เพอร์เฟ็คมากในการวิ่งบนไฮเวย์ สามารถสาดยัดโค้งไปด้วยความเร็วสูงโดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะเร็วเกินไปจนหลุดโค้ง เพราะถ้าจะหลุดเดี๋ยวระบบช่วยเหลือต่างๆ จะช่วยจัดการกับมันเอง มันเป็นรถที่วิ่งดีมากบนถนนลาดยางมะตอย แต่ถ้ามาถึงตรงนี้แล้วใครที่คิดจะเค้นความเร็วแบบสุดๆ กับรถคันนี้ขอให้ทำความเข้าใจกับอาการเหล่านี้ให้ดีก่อน หนึ่งพวงมาลัยของ X3 คันนี้ในช่วงความเร็วสูงๆ มันเบายังกับพวงมาลัยรถญี่ปุ่น สองตัวถังของรถรู้สึกจะจัดเรียงอากาศได้ไม่ค่อยดี ทำให้ไม่ค่อยสร้างแรงดาวน์ฟอร์สด้านหน้าซักเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกต้านลมและมีอาการส่ายเมื่อใช้ความเร็วสูง ไม่ต่างจากรถญี่ปุ่นเลย ส่วนการขับทางออฟโร้ดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของมันวิ่งผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีแต่ความรู้สึกในการผ่านของช่วงล่างมันไม่ดีเท่า Tiguan คันนี้เลย เรียกว่าช่วงล่างดีแต่กับทางปกติ แต่ถ้าขับออฟโร้ดแล้ว มันเป็นช่วงล่างที่ห่วยที่สุดไม่ว่าจะเทียบกับรถระดับเดียวกันหรือต่ำกว่า เมื่อวิ่งผ่านอุปสรรคแต่ละครั้งมันจะมีเสียงลั่นและอาการสั่นของชิ้นส่วนเป็นระยะๆ ถึงแม้จะบอกว่า X3 รุ่นปัจจุบันแก้เรื่องเหล่านี้หมดไปแล้วแต่มันหมดไปเฉพาะเมื่อขับบนทางที่ไม่ค่อยโหดเท่าไหร่ เจอเส้นทางโหดจริงๆ ก็บ้อท่า มีอาการต่างๆ นานา ให้ได้น่ารำคาญ สมรรถนะการลุยคงประมาณ Chevrolet Trailblazer 2.8 ลิตร 4WD แค่นั้นหล่ะมั้ง ถึงจะบอกว่ามีระบบนู่นนี่นั้น เทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อก้าวหน้าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ขับจริงมันไม่รู้สึกก้าวหน้าอย่างที่เซลล์ BMW พรีเซ้นต์ให้ฟังหรอก ไม่เชื่อถ้าไม่เสียดายรถก็ไปลองเองเลย เลือกทางที่วิบากกันดารจริงๆ ด้วยล่ะ
อธิบายมาซะยาวเพียงอยากจะบอกว่าช่วงล่างและพวงมาลัยของ Volkswagen Tiguan ดีกว่า BMW X3 แค่นั้นเอง
สรุป
Volkswagen Tiguan มีความสามารถรอบด้าน ประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ ประหยัดน้ำมัน ช่วงล่างดี ข้อเสียเพียงอย่างเดียวจริงๆคือ เครื่องยนต์อืด นอกนั้นดีหมดทุกอย่าง
BMW X3 อัตราเร่งจัดจ้านสะใจ ถึงจะกินน้ำมันมากกว่า Tiguan แต่ตัวเลขอัตราประหยัดน้ำมันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ให้สมรรถนะคุ้มค่ากับน้ำมันทุกหยด แต่ข้อเสียก็มีคือ การจัดวางตำแหน่งในห้องโดยสาร ฟีลลิ่งการขับในย่านความเร็วสูงไม่ต่างจากรถญี่ปุ่นเท่าไหร่ และยังเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อขับเส้นทางออฟโร้ด
เมื่อเทียบสองคันนี้มันต่างกันแบบสุดขั้วไปเลยเทียบแล้วสิ่งที่ Tiguan ชนะดูจะมากกว่าสิ่งที่ X3 ชนะ แต่สิ่งที่ X3 ชนะเพียงอย่างเดียวคือสมรรถนะการทำความเร็วของเครื่องยนต์ก็ชนะไปแบบขาดลอยไปเลย การจะตัดสินแพ้ชนะจึงแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ซึ่งครั้งนี้ไม่ขอออกความเห็นส่วนตัว ให้ทุกท่านไปตัดสินกันเอาเองดีกว่า แต่ขอบอกอีกอย่างว่าถ้าคุณเป็นคนประเภทชอบขับรถแบบดิบเถื่อนชอบซัดกับอุปสรรคที่ขวางหน้าให้กระจุยจริงๆ แล้วล่ะก็ Land Rover Freelander 2 ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ยังไม่ควรตัดทิ้งไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น