Demio Concept ต้นแบบ Mazda 2 Skyactiv |
Skyactiv-G เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รุ่นล่างสุด 75 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราประหยัดน้ำมัน 21.28 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 110 กรัมต่อกิโลเมตร
Skyactiv-G เบนซิน 90 แรงม้า แรงบิด 148 นิวตัน-เมตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งเกียร์ธรรมดา มีอัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 22.22 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติประหยัดน้ำมันที่ 20.83 กม./ลิตร
Skyactiv-G i-ELOOP เบนซิน 1.5 ลิตร 115 แรงม้า แรงบิด 148 นิวตัน-เมตร ใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราประหยัดน้ำมัน 20.4 กม./ลิตร ปล่อยไอเสีย 115 กรัมต่อกิโลเมตร
Skyactiv-D เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร 105 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที สำหรับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และแรงบิด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที สำหรับเกียร์อัตโนมัติ อัตราประหยัดน้ำมัน 29.41 กม./ลิตร ปล่อยไอเสีย 89 กรัมต่อกิโลเมตร
ซึ่งสเป็คยุโรปก็จบลงเพียงเท่านี้
แต่ยังมีอีกสเป็คที่น่าสนใจคือ รุ่นเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร เบนซิน มีแรงม้าสูงสุดที่ 92 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 121 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ถ้าจะเข้าโครงการ Eco Car คิดว่า เบนซิน 1.3 ลิตร นี่น่าจะเหมาะที่สุด เพียงแต่จำไม่ได้ว่าตามกฎแล้วต้องมีพิกัดไม่เกิน 1.2 ลิตรหรือเปล่า
แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือดีเซล Skyactiv-D 1.5 ลิตร ที่ดูสเป็คการประหยัดน้ำมันกับการปล่อยค่าไอเสียแล้วยังทำได้ดีกว่ารถยนต์ Eco Car 1.2 ลิตร ซะอีก ถ้ามันทำได้อย่างที่ระบุไว้จริงๆ โดยพฤตินัยมันก็คือ Eco Car แต่โดยนิตินัยเครื่องยนต์ที่พิกัดเกิน 1.2 ลิตร ก็จะจัดมันอยู่ในหมวดหมู่ B-Segment พิกัด 1.3-1.5 ลิตร ซึ่งการอยู่ในกลุ่มที่ต่างกันก็ส่งผลต่ออัตราภาษี และจะส่งผลต่อราคาขายเหมือนกัน
ซึ่งคำตอบทั้งหมดก็จะเปิดเผยออกมาเมื่อ Mazda 2 Skyactiv วางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนั่นเอง
ท้าย Demio Concept |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น