Land Rover Range Rover Sport SVR |
Range Rover Sport SVR ยังยืนพื้นเครื่องยนต์ DOHC V8 สูบ เบนซิน ซูเปอร์ชาร์จ 5.0 ลิตร ตัวเดิม แต่เพิ่มพละกำลังจาก 510 แรงม้า เป็น 550 แรงม้า และแรงบิดจาก 625 นิวตัน-เมตร เป็น 680 นิวตัน-เมตร ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ SF 8 สปีด และถึงแม้จะมีน้ำหนักถึง 2,335 กิโลกรัม เจ้าอสูรกายตนนี้ยังสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นย่อมแสดงว่าหากปลดล็อกจำกัดความเร็วมันจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่านี้แน่นอน อัตราประหยัดน้ำมัน 7.8 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยไอเสีย 325 กรัมต่อกิโลเมตร ถ้าหากบางคนยังบอกว่าแค่นี้ Porsche Macan S รุ่น 3.6 ลิตรก็ทำได้ล่ะก็ ลองมาดูย่อหน้าถัดไปที่จะกล่าวถึง เวลาต่อรอบของ Range Rover Sport SVR ที่ทำได้ในสนาม Nurburgring ซะก่อนอาจจะทำให้คุณเปลี่ยนใจ
ด้วยเรื่องสมรรถนะอัตราเร่ง และความเร็วสูงสุดมองแค่ผิวเผินมันอาจจะตัวเลขด้อยกว่า SUV ระดับท็อปหลายๆ คันจากเยอรมัน แต่ศิลปะแห่งความเร็วที่แท้จริงไม่ใช่แค่ตัวเลขสมรรถนะ อัตราเร่งในช่วงความเร็วต่างๆ และความเร็วสูงสุด เท่านั้น หากจะเป็นรถที่เร็วอย่างแท้จริงในการแข่งขันมันต้องเข้าเส้นชัยให้ได้ก่อนคู่แข่งด้วย ซึ่งข้อนี้แหละที่เวลาต่อรอบ ณ สนาม Nurburgring ได้พิสูจน์มาแล้วว่า Range Rover Sport SVR ได้เป็นรถ SUV ที่เร็วที่สุดในเวลานี้ขณะที่ผมเขียนบล็อกนี้อยู่ โดยสถิติอย่างเป็นทางการของรถคันนี้อยู่ที่ 8 นาที 14 วินาที ทำลายสถิติขี้โม้ของ Porsche Macan Turbo ที่ร่ำลือกันเองอย่างไม่เป็นทางการและไม่มีหลักฐานอ้างอิงว่าทำได้ 8 นาที 15 วินาที และแน่นอนว่าเวลาที่สนาม Nurburgring นี้ ได้ยกระดับ Range Rover Sport SVR ให้เหนือไปกว่า Super SUV อย่าง Porsche Cayenne S Turbo, Mercedes-Benz ML 63 AMG และ BMW X6 M ซึ่งเวลาต่อรอบในสนามบ่งชี้ชัดเจนแล้วว่า SVR เร็วที่สุด เอาชนะรถทุกคันที่กล่าวมาได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างมิติใหม่ให้กับบริษัท Land Rover แห่งนี้ ที่ในอนาคตอาจจะไม่ใช่เพียงแค่ผลิต SUV หรูหราที่ใช้ได้ทุกสภาพภูมิประเทศ ทุกสภาพภูมิอากาศ เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะเพิ่มความเร็วและความสปอร์ต ให้กับรถที่ในอดีตเคยได้ชื่อว่าช้าเป็นเต่าเหล่านี้ กลับมาเป็นรถที่สามารถไล่บี้รถสปอร์ตให้กระเจิงได้เช่นกัน
ภายนอกยังคงรูปลักษณ์เดิมอยู่ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น