Chevrolet Corvette Stingray (C7) |
รูปลักษณ์ภายนอก
มีดีไซน์สวยงามและดูมาดเข้มขึ้นเยอะ มีการผสมลายเส้นที่คมกริบกับเหลี่ยมสันได้อย่างลงตัว และยังแฝงไปด้วยความอ่อนช้อย ดูไปดูมาก็คล้าย Ferrari F12 Berlinetta อยู่เหมือนกัน
Ferrari F12 Berlinetta |
ท้าย Corvette Stingray |
ภายใน
มันยังเป็น Corvette อยู่เหมือนเดิมที่ยังไม่ค่อยเน้นคุณภาพในด้านนี้ วัสดุยังเป็นพลาสติกราคาถูก ถึงแม้บางจุดจะใช้วัสดุที่ดีขึ้นก็ตามแต่ก็ถือว่ายังไม่น่าพอใจเท่าที่ควร หน้าจอและปุ่มสัมผัสต่างๆ ให้ความรู้สึกหยาบๆ แต่สำหรับเบาะนั่งโครงแมกนีเซียม ของมันก็รู้สึกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปอีกแบบ อุปกรณ์ภายในก็ยกตัวอย่างเช่น จอ LCD ขนาด 8 นิ้ว หน้าจอและปุ่มต่างๆ ดูแล้วเหมือนนั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ท โดยทุกหน้าจอก็พร้อมที่จะแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆให้ เช่น การแสดงภาพล้อกราฟฟิก การแสดงโหมดการขับขี่ที่มีถึง 5 โหมด คือ Weather, Eco, Tour, Sport และ Track
เครื่องยนต์
เป็นเครื่องยนต์ V8 6,162 CC. ให้กำลังสูงสุด 466 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 630 นิวตัน/เมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที เมื่อเทียบแรงม้ากับน้ำหนักรถ 1,539 กิโลกรัม จะได้แรงม้าต่อน้ำหนักที่ 302.79 แรงม้าต่อตัน แต่เมื่อเทียบกับความจุแล้วทำได้เพียง 75.16 แรงม้าต่อลิตร ต้องบอกว่าน่าผิดหวังที่เครื่องยนต์ V8 6.2 ลิตร ทำแรงม้าได้แค่นี้ อย่างไรก็ตามมันก็ยังสร้างสมรรถนะที่น่าพอใจ โดยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันยังจัดว่าโหดอยู่โดยขนาดวิ่งที่โหมดใช้ลูกสูบเพียง 4 สูบ ยังมีอัตราประหยัดน้ำมันที่ 7.4 กิโลเมตรต่อลิตร รถคันนี้มีความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร ทำให้ทราบพิสัยการเดินทางว่าอยู่ที่ 518 กิโลเมตร เมื่อขับโดยใช้ลูกสูบ 4 สูบ แล้วคิดดูว่าถ้าใช้ 8 สูบ อัดเต็มที่จะเปลืองขนาดไหน รู้สึกว่าตัวเลขที่ระบุไว้จากโรงงานมันจะคลาดเคลื่อนไปหมด ทั้งอัตราประหยัดน้ำมันที่ระบุไว้ 9.4 กิโลเมตรต่อลิตร และความเร็วสูงสุดเกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่ตกลงขี้โม้ใช่ไหม GM ยังมีอะไรน่าเชื่อถืออยู่บ้าง? แต่ก็เอาเถอะข้อมูลเชิงปริมาณมันก็ไม่ได้บ่งบอกคุณภาพทั้งหมดของตัวรถ เพราะในการขับขี่นั้นเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะของ Corvette Stingray คันนี้เชื่อมประสานกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อได้อย่างกับเทวทูตเชื่อมต่อกับพระเจ้า เกียร์ส่งกำลังได้อย่างราบรื่น และสามารถทำให้รู้สึกได้ว่าหากอยากจะทำอัตราเร่ง 0-100 ให้ดีกว่า 4.2 วินาที ก็สามารถทำได้ หากควบคุมการหมุนฟรีของล้อหลังไว้ดีๆ ในขณะที่เรื่องความเร็วสูงสุดไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ รถที่ใช้แข่งในสนามบางประเภทยังเซ็ทความเร็วสูงสุดไม่เกิน 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ไม่ใช่เพราะแค่กฎการแข่งขัน แต่การจำกัดความเร็วสูงสุดยังมีนัยยะในการสร้างสมดุลให้กับรถ เพราะฉะนั้นความเร็วสูงสุดเพียง 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงไม่นับว่าสร้างปัญหาเท่าไหร่กับการจะนำ Corvette Stingray คันนี้ไปลงแข่งในสนาม
ช่วงล่างหรือระบบรองรับ
ในด้านนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าชมเชย ถึงแม้ช่วงล่างด้านหลังมันจะเป็นแหนบแบบที่ใช้ในรถกระบะก็ตาม แต่แหนบของ Corvette คันนี้มีรายละเอียดยิบย่อยที่ต่างออกไป จึงทำให้มันรองรับแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทกได้ดีแม้จะยังไม่ถึงกับดีเลิศก็ตาม และการควบคุมการเข้าโค้งถือว่าทำได้ดีกว่า C6 รุ่นก่อนหน้านี้หลายขุม โดยมันสามารถเข้าโค้งได้เนียนและนิ่งขึ้น เพราะฐานล้อยาวขึ้น และช่วงระยะห่างระหว่างล้อซ้ายขวากว้างขึ้น กว่ารุ่นก่อนทำให้การขับขี่ของ Corvette รุ่นนี้ รู้สึกมั่นคงขึ้น อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ลบความคิดเก่าๆ ที่ว่า Corvette ขับดีเฉพาะกับทางตรงออกไปได้แล้ว เรียกว่าช่วงล่างของ Corvette C7 รุ่นนี้ ดีที่สุดเท่าที่ Chevrolet เคยผลิตรถรุ่น Corvette นี้มา ดีพอจะเทียบชั้นได้กับช่วงล่างของรถสปอร์ตจากยุโรปซะที
สรุป
เป็นรถสปอร์ตที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่งด้วยเพราะราคาถูกกว่ารถในพิกัดความจุเดียวกันอยู่มากมาย ถึงแม้สมรรถนะจะด้อยกว่าในระดับหนึ่ง แต่เอาเข้าจริงๆ สามารถพลิกชนะกันได้ เสียงเครื่องยนต์ผ่านท่อไอเสียฟังแล้วรู้สึกดังอย่างไพเราะเสนาะหูพอจะเทียบชั้นได้กับเสียง Ferrari F458 Italia ช่วงล่างพัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างเดียวคือมันมีระดับราคาใกล้เคียงกับ Nissan GTR R35 ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.8 ลิตร แต่สามารถทำตัวเลขสมรรถนะได้เหนือกว่า อย่างไรก็ตาม Corvette Stingray ในไทย ถือว่าเป็นรถที่ไม่โหล ไม่ได้มีขับกันเกลื่อนถนนอย่าง GTR R35 ซึ่งข้อนี้อาจเบี่ยงเบนความสนใจมาจากลูกค้าบางกลุ่มได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น