รูปลักษณ์ภายนอก
Ford Fiesta Ecoboost |
ท้าย Ford Fiesta Ecoboost |
ภายใน
มีการเปลี่ยนแปลงจาก Fiesta รุ่นก่อนหน้านี้ เพียงเล็กน้อย เบาะนั่งตกแต่งให้ดูมีอารมณ์สปอร์ตขึ้น มาตรวัดเป็นแบบไร้กรอบกระจกแบ่งเป็นช่องวัดความเร็วอยู่ด้านขวา ช่องวัดรอบเครื่องอยู่ด้านซ้าย ตรงกลางเป็นจอแสดงผลสถานะต่างๆ ของรถยนต์ มีเครื่องเสียงแบบ CD mp3 และมีระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC มาให้ด้วย ห้องโดยสารด้านหลังอาจจะรู้สึกแคบไปนิดสำหรับคนตัวใหญ่ แต่สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและคนขับถือว่ามีพื้นที่ให้อย่างพอเพียง ทัศนะวิสัยด้านหน้ามองเห็นได้ชัดเจนดี ทัศนะวิสัยด้านหลังอาจมีปัญหาเล็กน้อยเมื่อมีผู้โดยสารนั่งอยู่อาจมีการบดบังทัศนะวิสัยด้านหลังอยู่พอสมควร การเก็บเสียงของห้องโดยสารที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่ายังทำได้ไม่ค่อยดี โดยมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาถึง 68 เดซิเบล และในระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ยังมีเสียงถึง 66 เดซิเบล ทำได้แย่กว่า Mitsubishi Lancer EX 1.8 ลิตรซะอีก คงเป็นเพราะค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่มากกว่าที่ค่า Cd เท่ากับ 0.331 ส่วน EX มีค่า Cd เพียง 0.29 คงเป็นเพราะเรื่องเช่นนี้กระมังที่ทำให้ Fiesta ตัวถังต้านลมมากกว่าจึงเกิดเสียงมากกว่า แต่เสียงเครื่องยนต์และเสียงล้อที่หมุนไปกับถนนก็น่าจะมีส่วนอยู่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อคือรถคันเล็กกว่าแต่ออกแบบมายังไงให้มันต้านลมมากกว่ารถ C-Segment ถ้าเป็นเพราะเครื่องก็ยิ่งไม่อยากเชื่อว่าเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 3 สูบจะเสียงดังกว่า 1.8 ลิตร 4 สูบ ถ้าเป็นเพราะล้อก็คงต้องโทษยาง แต่วัสดุที่ใช้บุห้องโดยสารเก็บเสียงได้แย่กว่าและแรงเสียดทานอากาศที่มากกว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สมเหตุสมผลที่สุด แต่เรื่องนี้สามารถปล่อยผ่านไปได้เพราะรถมันอยู่คนละระดับกันราคา Lancer EX ก็แพงกว่ากันเป็นแสน
สมรรถนะเครื่องยนต์และอัตราเร่ง
ก็อย่างที่บอกเครื่องยนต์บล็อกเล็ก 3 สูบ 1.0 ลิตรเทอร์โบบล็อกนี้ให้กำลังจัดจ้านเกินพิกัดมาก 125 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 170 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-4,500 รอบต่อนาที เป็นอะไรที่แรงเกินตัวมาก รถคันนี้ยังปรับสมดุลของข้อเหวี่ยงให้กระจายแรงเหวี่ยงไปยังทิศทางที่ถูกต้องภายในห้องเครื่อง ทำให้เครื่อง 3 สูบของ Fiesta Ecoboost เดินเรียบ มีความสมดุล ไม่สั่นเหมือน 3 สูบของ Eco Car จากค่าย Mitsubishi กับ Nissan ที่ลูกสูบทั้ง 3 ยังทำงานได้ไม่สมดุลดีพอ เครื่องยนต์ของ Ford ตัวนี้ ส่งให้รถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 10.5 วินาที อัตราเร่งแซง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 192 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ถ้าเป็นรุ่นซีดานจะทำได้ถึง 198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และการวิ่งทางตรง 1 กิโลเมตรสามารถทำได้ภายใน 32.3 วินาที ความเร็วจบที่ 162.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นรถแฮทช์แบ็ค B-Segment ที่ทำสมรรถนะอัตราเร่งได้ดีที่สุดในขณะนี้ ตัวเลขเทียบได้กับรถซีดาน C-Segment 1.8 ลิตรนู่นเลยทีเดียว เป็นเพราะตัวรถที่เบากว่าเมื่อเทียบแรงม้าต่อน้ำหนักจึงได้สัดส่วนที่ดีกว่านั่นเอง ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันทำได้โดยเฉลี่ย 18.6 กิโลเมตรต่อลิตร
ช่วงล่างและระบบรองรับ
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ที่เซ็ตมาได้อย่างลงตัวระหว่างความนุ่มกับความหนึบ ให้สมดุลที่ดีเวลสเข้าโค้ง เป็นช่วงล่างที่ดีพอๆ กับ Chevrolet Sonic ที่นับได้ว่าช่วงล่างดีที่สุดในรถกลุ่ม B-Segment และอาจจะดีกว่าช่วงล่างของ C-Segment อย่าง Honda Civic FD ด้วยซ้ำ นั่นแหละ Ford Fiesta Ecoboost รุ่นนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แต่ด้วยน้ำหนักรถที่ถือว่าเบามาก และค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ถือว่ามากพอสมควร ทำให้เวลาขับที่ความเร็วสูงเกิน 170 อาจมีความรู้สึกสั่นโคลงอย่างชัดเจน และพวงมาลัยนี่เซ็ตมาอย่างเบาทำให้เวลาขับด้วยความเร็วสูงต้องตั้งสมาธิกับการจับพวงมาลัยอยู่พอสมควร ส่วนประสิทธิภาพเบรคถือว่าไว้ใจได้โดยการจะหยุดความเร็วจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปจนหยุดนิ่งใช้ระยะ 41.7 เมตร ดีกว่า Honda Jazz ที่ทำได้ 43.2 เมตร
สรุป
จุดดี: เป็นรถที่สมรรถนะดีทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่างแถมยังประหยัดน้ำมัน
จุดด้อย: พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารยังไม่ค่อยลงตัว การเก็บเสียงจากภายนอกสู่ห้องโดยสารทำได้ไม่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น