วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รวมดาวเด่นรถสปอร์ตแดนซามูไร (ภาค 2)

จากที่เมื่อวานจบการแนะนำไปกับยี่ห้อ Mazda วันนี้จะมาต่อด้วย Mitsubishi โดยเริ่มกันที่

MITSUBISHI

Mitsubishi GTO (3000GT)
GTO (3000GT)

เป็นรถสปอร์ตคันเดียวที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยนำเข้ามาทำตลาดในยุคทศวรรษปี 90 สนนราคาในตอนนั้นประมาณ 3 ล้านบาท และในตลาดรถมือสองตอนนี้ก็ยังมีราคาแพงอยู่ โดยมีราคาอยู่ในระดับ 8 ถึง 9 แสนบาท ถ้าสภาพดีๆ ก็ขายกันหลักล้านเลยก็มีทั้งที่อายุอานามก็ปาเข้าไป 20 กว่าปีแล้ว สำหรับรุ่นท็อป 3000GT VR4 ใช้เครื่องยนต์ V6 Twinturbo ขับเคลื่อนสี่ล้อมี 320 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 427 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0-100 ใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หายากมากในประเทศไทยเพราะส่วนใหญ่จะมีขายแต่รุ่น 190 แรงม้า เวอร์ชั่นไทยแต่ยังไงคนที่ซื้อไปก็เอาไปแต่งเพิ่มอยู่แล้ว รถคันนี้แปะตราขายในอเมริกาในนาม Dodge Stealth

Mitsubishi FTO
FTO

รถสปอร์ตที่ถูกลืมในประเทศไทยมีขายเฉพาะตลาดเกรย์มาร์เก็ตเท่านั้นหายากมาก แม้แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็เหลือน้อยเต็มที FTO ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร V6 ขับเคลื่อนล้อหน้า มีพละกำลัง 197 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที น้ำหนักรถเปล่า 1,100 กิโลกรัมทำความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 7.1 วินาที

จริงๆ มี Mitsubishi Eclipse อีกที่เป็นรถสปอร์ตแต่มีขายเฉพาะในอเมริกาและผลิตแต่รุ่นพวงมาลัยซ้าย คนที่เล่นเกมส์ Need For Speed น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่จะไม่ขอพูดถึง ขอข้ามไปที่ Lancer Evolution ที่เป็นสปอร์ตซีดาน 4 ประตูแทน


Mitsubishi Lancer Evolution IX MR
 Evolution IX MR

ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4G63 เวอร์ชั่นญี่ปุ่นมี 286 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตัน-เมตร น้ำหนักรถ 1,482 กิโลกรัม ทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สำหรับเวอร์ชั่นอเมริกา มีแรงม้า 287 แรงม้าแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 392 นิวตัน-เมตร น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 1,490 กิโลกรัม สามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 4.2 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดลดลงเหลือ 234 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mitsubishi Lancer Evolution X FQ-400
Evolution X

วางขายหลากหลายเวอร์ชั่นแต่ขอแนะนำเวอร์ชั่น UK Spec FQ-400 ที่แรงที่สุด (ไม่นับ FQ-440 MR ที่เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 40 ปี Lancer Evolution ในสหราชอาณาจักร) มี 400 แรงม้า แรงบิด 542 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สามารถนำไปให้จูนเนอร์ปลดล็อกความเร็วสูงสุดให้ได้

NISSAN

มาถึงค่าย Nissan ที่ลืมไปได้เลยและอย่าคิดอย่าฝันว่า Nissan บ้านเราจะนำเข้า GTR มาให้ แต่ยังไงผู้นำเข้าอิสระก็เอามาขายอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ยี่ห้อนี้ยังผลิตรถสปอร์ตป้อนตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจะมาเริ่มแนะนำกันที่

Nissan Silvia S15
Silvia S15

Nissan Silvia S15 หรือที่เรียกกันว่า 200SX ในตลาดอเมริกา ใช้เครื่องยนต์ SR20DET มีแรงม้า 250 แรงม้า่ ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 275 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที สามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 5.52 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Nissan 350Z
350Z

รุ่นเครื่องยนต์ VQ35HR 3.5 ลิตร V6 มี 306 แรงม้า ที่ 6,800 รอบต่อนาที แรงบิด 363 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที รุ่น Base มีน้ำหนัก 1,515 กิโลกรัม ทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


Nissan 370Z

370Z

รุ่นสืบต่อจาก 350Z ใช้เครื่องยนต์ VQ37VHR 3.7 ลิตร ในเวอร์ชั่นอเมริกามีแรงม้าถึง 332 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 365 นิวตัน-เมตร ที่ 5,200 รอบต่อนาที น้ำหนักเบาลงจาก 350Z อยู่ที่ 1,466 กิโลกรัม สมารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Nissan GTR R35
GTR R35

และก็มาถึงคิวของเจ้าก็อตซิลล่า GTR R35 ซูเปอร์คาร์ตัวชูโรงของค่าย ใช้เครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร Twin Turbo ที่มีพละกำลังถึง 542 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 628 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200-5,800 รอบต่อนาที ส่งให้ตัวรถที่มีน้ำหนัก 1,740 กิโลกรัม ทะยานจาก 0-100 ด้วยเวลาเพียง 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 314 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สื่อหลายสำนักชอบนำไปเปรียบเทียบกับ Porsche 911 และ Audi R8 และหลายๆ ครั้งมันก็ได้รับชัยชนะอย่างงดงาม และเวอร์ชั่นปรับแต่งที่ใช้แข่งในสนาม Nurburgring ที่เรียกว่า GTR Nismo ก็ใช้เวลาต่อรอบเพียง 7 นาที 8.68 วินาที เท่านั้น เร็วยิ่งกว่า Lamborghini Aventador lp 700-4 ที่ทำได้ 7 นาที 25 วินาที แต่เวอร์ชั่นที่ผลิตขายไม่ได้นำไปวิ่งอย่างเป็นทางการ แต่เวลาต่อรอบที่ไม่เป็นทางการอยู่ที่ 7 นาที 43.65 วินาที ยังช้ากว่า Lamborghini Gallardo lp 570-4 Superleggera ที่ทำได้ 7 นาที 38 วินาที เท่ากับ Lexus LFA และ Porsche 911 Turbo แต่ถือว่าช้ากว่าเพียงแค่ 5.65 วินาทีก็ยังไม่เสียหายนักเพราะเอาจริงๆ มันก็ต้องวัดกันที่ฝีมือคนขับด้วย ซึ่งสื่อต่างประเทศต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า GTR ขับง่ายกว่า Lamborghini

SUBARU

มาต่อกันที่ค่าย Subaru ซึ่งมีคู่แข่งของ Lancer Evolution อย่าง Subaru Impreza กันบ้างโดยเริ่มกันที่

Subaru WRX STI 2014
WRX STI

มันก็คือ Impreza โฉมปัจจุบันนั่นแหละ แต่ทาง Subaru ใช้ชื่อรุ่นที่ทำตลาดว่า WRX STI หรือเรียกกันสั้นๆว่า WRX โดยตัดคำว่า Impreza ออกไป โดยรุ่น WRX STI ใช้เครื่องยนต์สูบนอน (Boxer) 2.5 ลิตร เทอร์โบ มี 305 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที 393 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 264 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Subaru BRZ
BRZ

คู่แฝด Toyota FT 86 ใช้เครื่องยนต์ Boxer 2.0 ลิตร 200 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 6,400 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งจาก 0-100 ได้ใน 7.6 วินาที

TOYOTA

มาปิดท้ายที่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ที่ผลิตรถสมรรถนะสูงมาแล้วหลายรุ่นเริ่มกันที่

Toyota Supra
Supra

วิวัฒนาการมาจาก 2000GT และ Celica มีอยู่หลายรุ่นหลายเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นแรงสุดที่วางขายในอเมริกามีถึง 320 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 427 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วจาก 0-100 ได้ภายใน 4.6 วินาที และความเร็วสูงสุดของรถทดสอบอยู่ที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่วางขายจริงจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า FT1 Concept จะเป็น Generation ต่อไปของ Supra


FT1 Concept


Toyota MR-S

MR-S

ไล่สายตาไปแบบผ่านๆเกือบอ่านผิดเป็น โตโยต้า มิสซิส หรือ มิสเตอร์เอส กลายเป็นคุณนายกับคุณผู้ชายไปเลยสำหรับ เอ็มอาร์เอสเป็น Roadster ที่ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่สู้รุ่นเก่าอย่าง MR2 ก็ไม่ได้ แต่ด้วยต้นทุนค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ ก็ถือว่าเป็นรถสปอร์ตสำหรับคนงบน้อย แต่ยังมีแก่ใจอยากซิ่ง ด้วยเครื่องยนต์ 1ZZ-FED ซึ่งวางประจำการในแท็กซี่หลายๆคันในบ้านเรามี 138 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 169 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ต้องขอบคุณน้ำหนักที่เบาถึง 996 กิโลกรัม ทำให้มันยังสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 8.7 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดก็จำกัดไว้ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามกฎหมายญี่ปุ่น

Toyota FT 86
FT 86

รายละเอียดไม่ต่างจาก Subaru BRZ เท่าไหร่ 200 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ 205 นิวตัน-เมตร ที่ 6,400 รอบ น้ำหนักรถเปล่า 1,250 กิโลกรัม แต่สปีดต้นทำได้ดีกว่าที่ 7.4 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดน้อยกว่าที่ 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เลือกเอาระหว่างความเร็วต้นกับความเร็วปลาย เพราะ 86 กับ BRZ ต่างกันแค่การเซ็ตช่วงล่างกับอัตราทดเท่านั้น ซึ่งถ้าอยากให้มันออกมาสมรรถนะเท่ากันเป๊ะก็แค่เซ็ตค่าใหม่ให้เหมือนๆกันเท่านั้นเองไม่ต้องไปเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไรให้เสียเวลา

Lexus LFA

Lexus LFA

ปิดท้ายกันด้วย Supercar ราคาโคตรแพงของค่าย Toyota อย่าง Lexus LFA ที่ก้าวเข้าไปอยู่ในกลุ่ม Exotic Car อย่าง Ferrari และ Lamborghini ไปแล้ว โดย LFA ใช้เครื่องยนต์ V10 4,805 ซีซี กำลังสูงสุด 552 แรงม้าที่ 8,700 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตัน-เมตร ที่ 6,800 รอบต่อนาที น้ำหนักรถเปล่า 1,480 กิโลกรัม เร่งความเร็วจาก 0-100 ภายใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 326 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวลาต่อรอบอย่างเป็นทางการที่ Nurburgring ทำได้ 7 นาที 38 วินาที เร็วกว่า Ferrari F430 Scuderia ที่ทำได้ 7 นาที 39 วินาที อยู่ 1 วินาที

สุดท้ายขอจบเรื่องนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ โอกาสหน้าหวังว่าคงจะได้มานำเสนอรถสปอร์ตสัญชาติอื่นอีกครั้ง

อ่าน รวมดาวเด่นรถสปอร์ตแดนซามูไร (ภาคแรก) ได้ที่นี่

คู่มือ Mitsubishi EVO IX (EVO IX Manual)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น