วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Mclaren MP4-12C ถึงหน้าตาจะ Mazda 3 แต่ในสนามไม่เป็นรองใคร

เห็นจั่วหัวมาแบบนี้บางคนบอกว่ามันจะ Mazda 3 ได้ยังไงลองมาดูภาพเปรียบเทียบกัน

Mclaren MP4-12C





Mazda 3 2012
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับ Mazda 3 ปี 2012 รุ่นก่อน All New Mazda 3 Skyactive ถ้าเปลี่ยนกันชนกับช่องดักลมหน้าและฝากระโปรงนี่ Mazda 3 จะกลายเป็น Mclaren MP4-12C ซีดานไปเลย ยิ่งโคมไฟหน้านี่มันรูปทรงเดียวกันเลยเพียงแต่คิ้วด้านบนมีหยักลงนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าใครเลียนแบบใครจะว่าไป 2 คันนี้ก็วางตลาดมานานแล้วทั้งคู่จำไม่ได้ว่าใครเริ่มวางขายก่อน ว่าแล้วก็น่าเอา Mazda 3 มาดัดแปลงซะหน่อย แต่เอ๊ะ คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จัก Mclaren นี่หว่า งั้นจะทำไปเพื่อ?

ก็นับว่าน่าเศร้าล่ะครับที่รถสุดยอดขนาดนี้ดันไม่รู้จักกัน ถ้าเป็นคนทั่วไปไม่ใช่พวกคลั่งรถ หรือไม่สนใจซูเปอร์คาร์ อย่างมากก็รู้จักแต่ Ferrari, Lamborghini, Porsche อะไรพวกนั้น ยิ่งไปอ่านเจอเรื่องเศร้าในพันทิป ที่เจ้าของรถคันนี้โดน รปภ. ห้ามเข้าโซนแดงสยามพารากอน เพราะ คิดว่าเป็นรถญี่ปุ่นนี่ยิ่งอนาถใจ แต่ก็เอาเถอะรูปร่างหน้าตาช่างหัวมันเพราะมันจัดว่ารูปทรงสวยอยู่ไม่ได้ทุเรศอะไร รถสวยแต่รูปจูบไม่หอมมีให้เห็นเยอะแยะ ถ้าให้เลือกรถสวยแต่สมรรถนะห่วย กับรถหน้าตาอุบาทว์แต่สมรรถนะดี ส่วนตัวผมเลือกอย่างหลัง เพราะความสวยมันแล้วแต่คนจะมอง Mclaren MP4-12C คันนี้ก็เช่นกัน

เอาล่ะในเมื่อมองข้ามเรื่องรูปร่างรูปทรงไปแล้วก็มาดูสมรรถนะกันดีกว่า 12C ใช้เครื่องยนต์ M838T V8 3.8 ลิตร Twinturbo วางกลางขับเคลื่อนล้อหลัง มีกำลังสูงสุด 600 แรงม้า และปรับปรุงเป็น 616 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที ในปี 2012 แรงบิดสูงสุดคงเดิมที่ 600 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000-7,000 รอบต่อนาที โดย 80 % ของแรงบิดจะมีมาให้ใช้ตั้งแต่ 2,000 รอบต่อนาที ตัวรถเปล่า(ไม่มีผู้โดยสารไม่มีสัมภาระ)มีน้ำหนัก 1,434 กิโลกรัม แต่ถ้าเปล่าเลยแบบถ่ายของเหลวออกหมด ก็จะเหลือ 1,301 กิโลกรัมเท่านั้น 12C สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.1 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ระบุไว้ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่จากการทดสอบของ Sport Auto มันสามารถไปได้ถึง 343 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะเบรกจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้ระยะ 30.7 เมตร หรือ 101 ฟุต อัตราการบริโภคน้ำมันเท่ากับ 8.547 กิโลเมตรต่อลิตร ถังน้ำมันมี 72 ลิตร ซึ่งเท่ากับว่าเติมน้ำมันเต็มถังรถจะไปได้ 615.384 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 279 กรัมต่อกิโลเมตร แล้วการทดสอบในสนามแข่งล่ะ ใน Nurburgring มันทำเวลาได้ 7 นาที 28 วินาที เท่ากับ Ferrari F458 Italia บอกย้ำมาหลายต่อหลายครั้งคงไม่ต้องสาธยายซ้ำอีก และที่สนาม Vairano ของ Quattroruote ในอิตาลี 12C ทำได้ 1 นาที 14.81 วินาที ในขณะที่ 458 ทำได้ 1 นาที 15.14 วินาที แต่ที่น่าทึ่งคือที่สนาม Top Gear ที่ 12C ทำได้ 1 นาที 16.2 วินาที เร็วกว่า Lamborghini Aventador LP 700-4 ( 1 นาที 16.5 วินาที ) Bugatti Veyron 16.4 Super Sport ( 1นาที 16.8 วินาที ) ในขณะที่ 458 ทำได้ 1 นาที 19.1 วินาที ทุกคันขับโดย The Stig นับว่าสนามระยะสั้นแม็คก้านั้นโคตรเทพ แต่...ยังมีแต่อีก ถึงแม้ตัวเลขและผลงานที่ออกมาจะเหนือกว่า Ferrari F458 Italia สื่อหลายๆเจ้าก็ยังให้ 458 ชนะอยู่แม้แต่ Top Gear เองก็เช่นกัน จากที่รวบรวมข้อมูลและกลั่นกรองออกมาพอจะสรุปความได้ว่า หนึ่ง 458 เป็นรถที่ขับสนุกให้ความรู้สึกอัตราเร่งฉับไว ส่วน 12C ขับไปไม่รู้สึกอะไรเลยถึงแม้จับเวลาจริงๆแล้วมันจะเร็วกว่า สอง ความเฉียบคมแม่นยำ น้ำหนักและทิศทางของพวงมาลัยและเบรก 458 ทำได้ลงตัวกว่า 12C ถึงแม้ระยะเบรกจะสั้นกว่าแต่เมื่อขับไปนานๆจะออกอาการเบรกเฟด พวงมาลัยจะคุมยากกว่านิดหน่อย สาม 458 บังคับให้รถดริฟท์ได้ง่ายกว่าและคุมการดริฟท์ได้ดี หากเป็นการแข่งขันแบบ Gymkhana 458 จะได้เปรียบในทันที นี่คือสามเหตุผลที่นักวิจารณ์ต่างพากันเทคะแนนให้ 458 เป็นฝ่ายชนะไป แล้วลองมาดูสิ่งที่ 12C ได้เปรียบบ้าง ซึ่งนอกจากสมรรถนะความเร็วและความประหยัดปล่อยมลภาวะน้อยกว่าแล้ว ฟีลลิ่งการขับที่ดูไม่มีอะไรแต่ก็แฝงไปด้วยความมั่นคงเพราะมันสามารถอัดโค้งไปด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีอาการส่ายหรือโคลงให้เห็นต่างจาก 458 ที่ท้ายรถจะออกอาการส่ายให้เห็น ต้องขอบคุณช่วงล่างที่มีระบบน้ำมันไฮดรอลิกถ่ายเทไปตามแรงเหวี่ยง ( แรง G ) ช่วยรักษาสมดุลของน้ำหนักเวลาเข้าโค้ง ทั้งยังสามารถขับบนพื้นผิวขรุขระ และเปียกชื้น ได้ดีกว่า ก็คือมันสามารถรับมือกับถนนสภาพไม่ปกติได้ดีนั่นเอง ก็เรียกได้ว่า Mclaren MP4-12C คันนี้แม้มันจะไม่เร้าใจ สุ้มเสียงเครื่องยนต์ก็สู้ 458 ไม่ได้ แต่สมรรถนะของมันนั้นเป็นของจริงพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องไปใส่ใจกับปัจจัยทางด้านอารมณ์ให้มากนัก ในเมื่อตัวเลขมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าทั้งเร็วกว่าประหยัดกว่า ลงสนามก็ทำเวลาได้ดีกว่าอีกด้วย

บั้นท้ายที่ทำได้แต่เพียงไล่ตาม

1 ความคิดเห็น:

  1. นั่นแหละ ที่มันแพ้ 458 เพราะขาดอารมณ์ร่วมเหมือนรถ อิตาลี ที่ขนาดจอยังเร้าอารมณ์เลย

    ตอบลบ