Pagani Huayra |
Pagani Huayra ใช้เครื่องยนต์ของ Mercedes AMG รหัส M158 V12 สูบ SOHC 36 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เครื่องยนต์วางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ประตูเปิดแบบปีกนก รถคันนี้มีแรงม้าสูงสุดที่ 720 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 1,000 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250 รอบต่อนาที ด้วยพละกำลังเหล่านี้มันสามารถส่งตัวรถที่มีน้ำหนัก 1,350 กิโลกรัมคันนี้ พุ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 372 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราประหยัดน้ำมัน 4.35 กิโลเมตรต่อลิตร ในเมือง และ 5.88 กิโลเมตรต่อลิตร บนไฮเวย์ ปล่อยไอเสีย 343 กรัมต่อกิโลเมตร แน่นอนว่ายิ่งเร็วยิ่งเปลืองเป็นธรรมดา รถคันนี้สร้างผลงานอันน่าตื่นตาไว้ใน Top Gear Test Track มันทำเวลาได้ 1 นาที 13.80 วินาที เป็นรองเพียง Caparo T1 1 นาที 10.60 วินาที และ Ultima GTR 720 1 นาที 12.80 วินาที ซึ่งรถทั้งสองคันไม่ใช่ Production Car ซึ่งถ้านับเฉพาะ Production Car แล้ว Pagani Huayra ทำเวลาได้ดีที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เร็วกว่าทั้ง Mclaren MP4-12C 1 นาที 16.20 วินาที Lamborghini Aventador 1 นาที 16.50 วินาที Bugatti Veyron 16.4 Super Sport 1 นาที 16.80 วินาที
ความรู้สึกของการขับรถคันนี้เป็นยังไง? Ben Barry แห่ง นิตยสาร Car Magazine สาธยายให้ฟังว่าเมื่อคุณเข้าไปขับรถคันนี้ควรจะเปิดกระจกให้อากาศได้ถ่ายเทมากที่สุด เพราะเครื่องยนต์ของมันอยู่ใกล้กันกับตำแหน่งบ้องหูของคุณแค่นั้นเองเมื่อคุณอยู่ในตำแหน่งเบาะนั่งคุณจะได้ยินเสียงเครื่องอย่างชัดเจนราวกับพายุเฮอร์ริเคนซัดเข้าบ้องหูเต็มๆ ดังนั้นการปิดกระจกจึงเหมือนกับการเก็บเสียงให้สาดใส่รูหูคุณอยู่คนเดียวทางที่ดีควรเปิดให้มันสาดใส่บ้องหูคนข้างนอกบ้าง แต่เสียงเครื่องยนต์และท่อไอเสียมันก็ฟังดูเพลินดี ถ้าเปรียบเสียงของ Pagani Zonda เป็นดนตรีป็อปร็อคจังหวะสนุก ที่สร้างสรรค์มาจากฝีมือการเล่นดนตรีแล้วล่ะก็ เสียงของ Pagani Huayra ก็จะเป็นดนตรี Industrial Techno เบสหนักๆ ในแบบเสียงสังเคราะห์ ก็คือเสียงของ Zonda มาจากเครื่องยนต์ล้วนๆ ส่วนของ Huayra เทอร์โบคู่ของมันมีส่วนสร้างเสียงออกมาอยู่มาก ในรอบต่ำมันจะยังไม่รู้สึกพุ่งทะยานเหมือน Lamborghini Aventador แต่ถ้าช่วงพาวเวอร์แบนด์ที่ 6,000 รอบต่อนาทีล่ะก็ มันพุ่งไปไวอย่างกับกระสุนปืนจนบางทีคุณอยากจะเหยียบเบรกยังเหยียบแทบไม่ทัน แต่อย่างไรก็ตามเกียร์คลัทช์คู่ของ Huayra ก็สามารถจัดการแรงบิดทั้ง 1,000 นิวตัน-เมตร ได้อยู่หมัด เพื่อไม่ให้กำลังทั้งหมดส่งมันไถลลงข้างทาง เพราะทาง Pagani คงพิจารณาแล้วว่ากลุ่มลูกค้าของเขาไม่ใช่กลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในการขับรถเท่าไหร่ จึงพยายามทำให้มันขับง่ายในชีวิตประจำวันเข้าไว้จะดีกว่า ซึ่งเวลาคุณขับก็จะเหมือนกับมีครูฝึกคอยประคับประคองคุณไปตลอดทาง เมื่อคุณกำลังจะออกนอกลู่นอกทางระบบก็จะเข้าแทรกแซงไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นมาได้ ซึ่งถ้าคุณไม่ชอบและมั่นใจว่าเซียนแล้วก็ปิดระบบช่วยเหลือต่างๆไปซะหมดเรื่อง ที่นี้คุณก็จะได้รู้สึกถึงพลังของมันเต็มๆ เหมือนกับคุณเป็นฟงอวิ๋นขี่พายุทะลุฟ้าอยู่ เพราะ มันเหมือนกับคุณอยู่ตัวเปล่าไม่มีอะไรห่อหุ้มแล้วโดนพายุพัดไปไหนต่อไหนหลายๆที่ เหมือนเป็นฉากตัดไปตัดมา ถ้าคุณเหยียบคันเร่งไม่ยอมถอนล่ะก็นะ มันให้ความรู้สึกว่าเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย ชิ้นงานการประกอบก็ดูประณีตล้วนแล้วแต่เป็นงานคาร์บอนไฟเบอร์ชั้นยอดทั้งนั้น ก็เพราะเจ้าของเป็นนักออกแบบนี่แหละ มันถึงออกมาได้งดงามขนาดนี้ แต่ดูท่าคงมีไม่กี่คนที่จะมีโอกาสได้สัมผัสกับมัน ด้วยจำนวนการผลิตที่ไม่มาก ประกอบกับราคาที่ต้องบอกว่าถ้าเป็นผมคงเอาเงินจำนวนนั้นไปลงทุนทำธุรกิจจะดีกว่า (แต่ก็เห็นเศรษฐีหลายคนซื้อมันมาขับแล้ว ในบ้านเราไม่รู้มีใครซื้อไปรึยัง) ถ้าอยากลองขับมันแบบง่ายๆ ก็ไปเล่นเกมส์ Need For Speed เอาละกัน
เร็วแค่ไหนเจอรถติดก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน เฮ้อ... |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น