วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

Range Rover Autobiography: Luxury SUV ระดับ King Size

Land Rover Range Rover Autobiography
Range Rover หรือเรียกเต็มๆ ว่า Land Rover Range Rover Autobiography นับเป็นรุ่นท็อปของค่ายซึ่งมีระดับอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Porsche Cayenne, BMW X6 ซึ่งถ้าเทียบปอนด์ต่อปอนด์ในพิกัดเครื่องยนต์เท่าๆหรือใกล้เคียงกันแล้ว อัตราเร่งและความเร็วแม้จะสู้สองคันนั้นไม่ได้หรือถึงได้ก็ต้องแลกมากับการซดน้ำมันอย่างบ้าเลือด แต่สิ่งที่สองคันนั้นเทียบไม่ติดเลยก็คือการลุยในถนนอ๊อฟโร้ดเส้นทางทุรกันดารที่ Range Rover จะพาคุณไปไหนก็ได้ แต่ดูเหมือนหลายคนไม่เข้าใจแค่เอารถสามคันนี้ไปวิ่งแข่งไร้สาระบนถนนไฮเวย์แล้วสรุปว่า Range Rover ห่วยกว่า สองคันนั้นซะงั้น ลองเอาสองคันนั้นไปวิ่งลุยโคลนดูสิขี้คร้านจะติดหล่มไปไหนไม่รอด ซึ่งสื่อต่างประเทศก็ได้ทดสอบแล้วปรากฏว่าสมรรถนะในการลุยอ๊อฟโร้ดนั้น Range Rover ดีกว่าสองคันนั้นเยอะ ซึ่งก็แล้วแต่ผู้บริโภคล่ะว่าชอบรถแบบไหน ไม่ค่อยได้ลุยก็ Cayene, X6 ลุยบ่อยก็ Range Rover เอาล่ะพอกันทีครั้งนี้ไม่ใช่การจับคู่ VS. แค่จะมาแนะนำ Range Rover Autobiography ในแต่ละรุ่นเฉยๆ Range Rover มีขายในตลาดโลกอยู่ 4 รุ่นย่อย (ที่ไม่เน้นประเทศไทยเพราะบริษัทแม่เลิกทำตลาดในบ้านเราไปแล้ว แต่ยังมีขายอยู่ที่ City Automobile จะขายเหมือนบริษัทแม่ที่อังกฤษรึเปล่าก็ไม่รู้แต่คุ้นๆว่ามีขายหมดแต่ขาดรุ่นไฮบริดใครสนใจก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้เอง) Range Rover Autobiography มีรุ่นย่อยแต่ละรุ่นโดยทุกคันใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ รายละเอียดดังนี้

LR-TD V6: รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบ แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตรโดยแรงบิดสูงสุดจะมีมาให้ใช้ที่ 2,000 รอบต่อนาที มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราบริโภคเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 13.33 กิโลเมตรต่อลิตร ก็ถือว่ายังประหยัดอยู่ถ้าเทียบกับสมรรถนะขนาดนี้ และนับว่าประหยัดกว่า Toyota Land Cruiser Prado ที่ทำได้ 11.36 กิโลเมตรต่อลิตร กับ Mitsubishi Pajero Shogun ที่ทำได้ 12.34 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 196 กรัมต่อกิโลเมตร

LR-SD V6: เป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดมีพิกัดความจุ 3.0 ลิตร 6 สูบ แรงม้าสูงสุด 340 แรงม้าแรงบิดสูงสุดที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 218 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15.625 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อย CO2 ที่ 169 กรัมต่อกิโลเมตร

LR-SD V8: ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 8 สูบ ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกที่ 4.4 ลิตร แรงม้าสูงสุด 339 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 740 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,300 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 ทำได้ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 218 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่ากับรุ่น SD-V6 แต่เปลืองน้ำมันกว่าที่ 11.494 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ก็ยังประหยัดกว่า Prado นิดหน่อย อัตราการปล่อยมลพิษอยู่ที่ 229 กรัมต่อกิโลเมตร

LR-V8 Supercharged: เครื่องยนต์เบนซิน V8 5.0 ลิตร มาพร้อมกับซูเปอร์ชาร์จช่วยในการอัดอากาศ ช่วยให้มีกำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า แรงบิด 625 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500-5,500 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เพียงแค่ 5.4 วินาที (แต่ Topgear ทดสอบได้ 5.1 วินาที) ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 140 ไมล์ต่อชั่วโมง วิ่งแข่งกับรถสปอร์ตบางรุ่นได้สบายทั้งๆที่มีน้ำหนักรถเปล่าถึง 2,330 กิโลกรัม แต่ก็นับว่าการผลิตโดยใช้อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบช่วยลดน้ำหนักไปได้เยอะไม่งั้นคงมีเกิน 2,500 กิโลกรัมหรือ 2.5 ตัน และรุ่นนี้ก็ได้คะแนนจาก Topgear ถึง 9 คะแนน (เต็ม 10) อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 7.81 กิโลเมตรต่อลิตร เปลืองน้ำมันระดับซูเปอร์คาร์เลยโดยเปลืองกว่า Mclaren MP4-12C ที่ทำได้ 8.547 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ยังประหยัดกว่า Ferrari F458 Italia ที่ทำได้ 7.5 กิโลเมตรต่อลิตร ต้องอย่าลืมว่า Range Rover รับภาระน้ำหนักมากกว่าและมันเป็นรถที่ใช้งานคนละประเภทกัน เออเกือบลืม...อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของ LR-V8 Supercharged อยู่ที่ 299 กรัมต่อกิโลเมตร

ดูด้านข้างยิ่งดูใหญ่โตโอ่อ่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น