ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะเอารถสองคันนี้มาเทียบกันดีรึเปล่าเพราะโดยพื้นฐานแล้ว Volkswagen Tiguan 2.0 TDI ราคา 2,970,000 บาท คันนี้ ควรเอาไปเทียบกับ BMW X1 sDrive20d xLine ราคา 2,799,000 บาท มากกว่า อย่างไรก็ตามผมรู้สึกว่า BMW X1 จะถูกพูดถึงโดยทั้งทางตรงและทางอ้อมมาก็เยอะแล้ว ตอนนี้จึงไม่อยากจะนำเสนอสิ่งที่มันซ้ำซาก เหมือนนิตยสารรถยนต์บางเจ้าที่แต่ละฉบับวนเวียนพูดถึงแต่รถคันเดิมๆ ซ้ำๆมันอยู่ตลอด ก็รู้อยู่ว่าคนส่วนใหญ่สนใจ แต่เอามาลงหลายฉบับติดต่อกันมันก็น่าเบื่อเกิน ตอนนี้จึงคิดว่าเอา Volkswagen Tiguan 2.0 TDI คันนี้ข้ามรุ่นไปเทียบกับ BMW X3 xDrive20d ราคา 3,299,000 บาท ดีกว่า จะได้ต่อเนื่องกับบล็อก
Land Rover Freelander 2 ก่อนหน้านี้ด้วย
รูปลักษณ์ภายนอก
|
Volkswagen Tiguan |
|
BMW X3 |
Volkswagen Tiguan ดูภายนอกก็ดูเป็นรถใช้งานธรรมดา แต่กระจังหน้ายังแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม พร้อมลุยได้ทุกเมื่อ ใช้ Platform ของ Volkswagen Group A5 (PQ35) จาก Volkswagen Golf เป็นพื้นฐาน และยังมีความเชื่อมโยงไปถึง Audi Q3 แบรนด์ใต้สังกัดอีกด้วย บางทีก็อาจจะบอกว่ามันเป็น Volkswagen Golf อัพไซส์เพิ่มขนาดเล่นกล้ามให้บึกขึ้นก็ได้ แต่ดีไซน์ภายนอกต่างจาก Volkswagen Golf ไปคนละทาง ไม่ใช่แค่สูงขึ้นและใหญ่ขึ้น แต่ดีไซน์เส้นสายดูแข็งแกร่งขึ้น และดูเรียบร้อยสะอาดตามากกว่า มิติตัวรถ ยาว*กว้าง*สูง เท่ากับ 4,427*1,809*1,686 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,604 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,655 กิโลกรัม
BMW X3 ใน Platform F25 ภายนอกถึงแม้จะถือว่าดูดีมีราคาก็เถอะ แต่ดีไซน์ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย มันเหมือนๆ BMW X ทั้งหลายแหล่นั่นแหละไล่เรียงกันไป 1,3,4,5,6 ที่มีดีไซน์ต่างกันเพียงเล็กน้อยเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น แต่ที่ต่างกันมากๆจะเป็นสัดส่วนของรถมากกว่า จะว่าไปมันก็ง่ายดีเหมือนกันที่รถแต่ละรุ่นผลิตออกมาหน้าตาคล้ายๆ กันแบบนี้ เพียงแต่เปลี่ยนขนาดเท่านั้น ก็สามารถแบ่งราคาขายได้แตกต่างกัน (ยังไม่พูดถึงเครื่องยนต์และออปชั่นที่ต่างกัน) มิติตัวรถ ยาว*กว้าง*สูง เท่ากับ 4,648*1,881*1,675 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,810 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,800 กิโลกรัม
ภายใน
Volkswagen Tiguan ออกแบบจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ภายในรถได้ดีถูกต้องตรงตามหลักสรีระศาสตร์ พื้นที่ใช้สอยภายในสามารถปรับเปลี่ยนใช้งานได้หลายรูปแบบ แม้หน้าตาภายในจะดูเก่าไปบ้าง แต่สำหรับเรื่องเทคโนโลยีของอุปกรณ์ภายในถือว่าทันยุคทันสมัย ใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพ รถคันนี้เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดแล้วสำหรับรถในกลุ่มเดียวกัน
BMW X3 ภายในพยายามเพิ่มออปชั่นให้มากเข้าไว้แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่ฉาบแค่เปลือกนอกใช้งานจริงๆ ก็ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ปุ่มอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงจัดวางไว้ในตำแหน่งผิดที่ผิดทาง ไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนสำคัญอย่างตำแหน่ง พวงมาลัย เบาะนั่ง เกียร์ คันเร่ง และแป้นเบรก ที่รู้สึกว่าการจัดวางตำแหน่งจะเพี้ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลให้เกิดการเมื่อยล้าในการขับขี่ได้
เทียบกันแล้วถึงแม้ห้องโดยสารของ BMW X3 จะกว้างกว่าแต่การจัดสรรพื้นที่และการจัดวางอุปกรณ์มันยังดูแปลกๆ เลยไม่ทำให้รู้สึกว่าใช้งานง่าย หรือนั่งแล้วรู้สึกสบายเลย มันอาจจะรู้สึกสบายเมื่อเทียบกับรถในระดับที่ต่ำกว่า แต่เมื่อเทียบกับ Volkswagen Tiguan แล้ว ถือว่า BMW X3 ยังทำได้ไม่ดีพอ
สมรรถนะเครื่องยนต์ อัตราเร่ง
Volkswagen Tiguan ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร ให้แรงม้า 140 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิด 320 นิวตัน/เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มันสามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 10.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 182 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราประหยัดน้ำมัน 17.24 กิโลเมตรต่อลิตร
BMW X3 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส N47 ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตัน/เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราประหยัดน้ำมัน 16.49 กิโลเมตรต่อลิตร
การขับขี่ก็เป็นอย่างที่ตัวเลขมันบอก X3 ชนะขาดเป็นรถที่ให้อัตราเร่งได้มันส์มากเครื่องแรงประหยัดน้ำมัน ในด้านการทำความเร็วแล้ว X3 ทำได้ดีไม่มีที่ติ ดีกว่ารถ SUV ประเภทเดียวกันทุกรุ่นในระดับราคา 3-4 ล้านบาท ดีกว่า
Range Rover Evoque ดีกว่า Freelander 2 ดีกว่า Volvo XC60 D4 และแน่นอนดีกว่า Volkswagen Tiguan คันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงแม้ Volkswagen Tiguan จะอืดกว่าเยอะแต่ก็ให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า เมื่อมองจุดนี้แล้วตามความตั้งใจในการผลิตรถยนต์เอนกประสงค์มันควรเน้นการใช้งานมากกว่าเรื่องของความเร็วและความสนุก ซึ่งอัตราเร่งและความเร็วของ Volkswagen Tiguan ก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ยิ่งบวกกับอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเช่นนี้แล้ว ขุมพลังของ Volkswagen Tiguan ก็ยังเป็นที่น่าสนใจอยู่
ช่วงล่าง การควบคุม
Volkswagen Tiguan ช่วงล่างดีไม่มีที่ติ มีความเฟิร์ม ไม่ย้วย ไม่กระด้าง นั่งแล้วรู้สึกสบาย เข้าโค้งได้นิ่งและมั่นคง พวงมาลัยเฟิร์มกำลังดี ลงตัวทั้งในการใช้งานย่านความเร็วต่ำและความเร็วสูง แถมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาแบบ 4Motion ก็ลุยออฟโร้ดได้อย่างไม่ลำบากลำบนอะไรกับถนนลูกรังหรือลูกระนาดในชนบท การวิ่งบนไฮเวย์ควบคุมเสถียรภาพได้ดีเฉกเช่น Volkswagen Golf ซึ่งว่ากันว่าเป็นแฮทช์แบ็คที่มีแฮนด์ลิ่งที่ดีที่สุด Tiguan คันนี้ก็ทำได้ใกล้เคียงกับที่ Golf ทำได้ เพียงแต่ลักษณะการควบคุมของ Tiguan จะออกแนวรถ SUV ที่น้ำหนักมากและใหญ่กว่า แต่ก็ทำให้มันเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งทางทุรกันดารไปด้วย ซึ่งการเซ็ตช่วงล่างรับมือกับถนนไม่ปกตินั้น Tiguan ทำได้ดีกว่า X3 ขั้นหนึ่ง ถึงแม้จะมี Platform จากรถแฮทช์แบ็คก็ตามและบุคลิกการขับบนถนนยางมะตอยก็คล้ายๆ แฮทช์แบ็ค แต่การรับมือถนนออฟโร้ดที่ไม่หนักมากก็ยังทำได้ดี
BMW X3 ก็ช่วงล่างดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปสนใจโหมดการขับขี่ Normal, Sport, Sport+ เพราะเปลี่ยนไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเพียงการตอบสนองของรอบเครื่องในการเหยียบคันเร่งที่ดูแล้วไม่ว่าจะ Normal หรือ Sport ก็ไม่ต่างกัน ปรับไปโหมด Sport, Sport+ แล้ว พวงมาลัยจะหนืดขึ้นช่วงล่างกระด้างขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้ช่วยสมรรถนะการขับขี่ให้ดีขึ้นหรือแย่ลงแต่อย่างได้ มันส่งผลต่อความรู้สึกคนขับเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อสมรรถนะจริงๆ ช่วงล่างของ X3 เพอร์เฟ็คมากในการวิ่งบนไฮเวย์ สามารถสาดยัดโค้งไปด้วยความเร็วสูงโดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะเร็วเกินไปจนหลุดโค้ง เพราะถ้าจะหลุดเดี๋ยวระบบช่วยเหลือต่างๆ จะช่วยจัดการกับมันเอง มันเป็นรถที่วิ่งดีมากบนถนนลาดยางมะตอย แต่ถ้ามาถึงตรงนี้แล้วใครที่คิดจะเค้นความเร็วแบบสุดๆ กับรถคันนี้ขอให้ทำความเข้าใจกับอาการเหล่านี้ให้ดีก่อน หนึ่งพวงมาลัยของ X3 คันนี้ในช่วงความเร็วสูงๆ มันเบายังกับพวงมาลัยรถญี่ปุ่น สองตัวถังของรถรู้สึกจะจัดเรียงอากาศได้ไม่ค่อยดี ทำให้ไม่ค่อยสร้างแรงดาวน์ฟอร์สด้านหน้าซักเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกต้านลมและมีอาการส่ายเมื่อใช้ความเร็วสูง ไม่ต่างจากรถญี่ปุ่นเลย ส่วนการขับทางออฟโร้ดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของมันวิ่งผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีแต่ความรู้สึกในการผ่านของช่วงล่างมันไม่ดีเท่า Tiguan คันนี้เลย เรียกว่าช่วงล่างดีแต่กับทางปกติ แต่ถ้าขับออฟโร้ดแล้ว มันเป็นช่วงล่างที่ห่วยที่สุดไม่ว่าจะเทียบกับรถระดับเดียวกันหรือต่ำกว่า เมื่อวิ่งผ่านอุปสรรคแต่ละครั้งมันจะมีเสียงลั่นและอาการสั่นของชิ้นส่วนเป็นระยะๆ ถึงแม้จะบอกว่า X3 รุ่นปัจจุบันแก้เรื่องเหล่านี้หมดไปแล้วแต่มันหมดไปเฉพาะเมื่อขับบนทางที่ไม่ค่อยโหดเท่าไหร่ เจอเส้นทางโหดจริงๆ ก็บ้อท่า มีอาการต่างๆ นานา ให้ได้น่ารำคาญ สมรรถนะการลุยคงประมาณ Chevrolet Trailblazer 2.8 ลิตร 4WD แค่นั้นหล่ะมั้ง ถึงจะบอกว่ามีระบบนู่นนี่นั้น เทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อก้าวหน้าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ขับจริงมันไม่รู้สึกก้าวหน้าอย่างที่เซลล์ BMW พรีเซ้นต์ให้ฟังหรอก ไม่เชื่อถ้าไม่เสียดายรถก็ไปลองเองเลย เลือกทางที่วิบากกันดารจริงๆ ด้วยล่ะ
อธิบายมาซะยาวเพียงอยากจะบอกว่าช่วงล่างและพวงมาลัยของ Volkswagen Tiguan ดีกว่า BMW X3 แค่นั้นเอง
สรุป
Volkswagen Tiguan มีความสามารถรอบด้าน ประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ ประหยัดน้ำมัน ช่วงล่างดี ข้อเสียเพียงอย่างเดียวจริงๆคือ เครื่องยนต์อืด นอกนั้นดีหมดทุกอย่าง
BMW X3 อัตราเร่งจัดจ้านสะใจ ถึงจะกินน้ำมันมากกว่า Tiguan แต่ตัวเลขอัตราประหยัดน้ำมันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ให้สมรรถนะคุ้มค่ากับน้ำมันทุกหยด แต่ข้อเสียก็มีคือ การจัดวางตำแหน่งในห้องโดยสาร ฟีลลิ่งการขับในย่านความเร็วสูงไม่ต่างจากรถญี่ปุ่นเท่าไหร่ และยังเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อขับเส้นทางออฟโร้ด
เมื่อเทียบสองคันนี้มันต่างกันแบบสุดขั้วไปเลยเทียบแล้วสิ่งที่ Tiguan ชนะดูจะมากกว่าสิ่งที่ X3 ชนะ แต่สิ่งที่ X3 ชนะเพียงอย่างเดียวคือสมรรถนะการทำความเร็วของเครื่องยนต์ก็ชนะไปแบบขาดลอยไปเลย การจะตัดสินแพ้ชนะจึงแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ซึ่งครั้งนี้ไม่ขอออกความเห็นส่วนตัว ให้ทุกท่านไปตัดสินกันเอาเองดีกว่า แต่ขอบอกอีกอย่างว่าถ้าคุณเป็นคนประเภทชอบขับรถแบบดิบเถื่อนชอบซัดกับอุปสรรคที่ขวางหน้าให้กระจุยจริงๆ แล้วล่ะก็ Land Rover Freelander 2 ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ยังไม่ควรตัดทิ้งไป