วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

MG6 ความทุกข์ของการขับรถยนต์


หลังจากมีหลายๆคนได้ไปลองแล้วบ่นให้ฟังว่า MG6 ที่ขายกันอยู่ในไทยตอนนี้มันห่วยแตกขนาดไหน ซึ่งผมเองก็ยังไม่เชื่อก็เพราะเห็นตัวเลขแค่คร่าวๆ เพียง MG6 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้ดูอะไรละเอียดมากเพราะไม่สนใจมันอยู่แล้ว แต่ได้ยินคนอื่นพูดถึงมันมากเหลือเกิน สื่อก็โหมประโคมกันอยู่นั่นแหละ ก็เลยไปลองมาหน่อยเมื่อนานมาแล้วแต่เพิ่งมาพูดถึงเอาตอนนี้เพราะ ไม่อยากจะพูดถึงมันอีกอยากให้ความรู้สึกนั้นมันหายไปซะ แต่มาถึงวันนี้นึกอะไรไม่ออกไม่รู้จะพูดถึงรถรุ่นไหนก็เลยพูดถึงรถคันนี้หน่อยละกันเผื่อมีใครมาเห็นจะได้นำไปปรับปรุง หรือจะเพิกเฉยก็แล้วแต่เพราะมันก็เป็นเพียงเสียงของผู้บริโภคคนหนึ่งที่มีตัวเลือกในตลาดตั้งเยอะแยะทำมาไม่ดีก็ไม่ซื้อแค่นั้นเอง ยี่ห้ออื่นก็มีอยู่บานเบอะ แต่จะว่าไปก่อนไปลองก็อ่านรีวิวมาหลายฉบับทั้งของ Autocar, Autobild, Car, Evo, ยานยนตร์, ฟอร์มูลา หรืออะไรก็แล้วแต่ รู้สึกคนเขียนรีวิวจะเขียนแบบเกรงใจเกินไปนะ ที่บอกว่าอัตราเร่งดี เกียร์ส่งผ่านกำลังได้ดีแต่ต้องปรับตัวและทำความเข้าใจกับมันหน่อย (ซึ่งผมว่าไม่หน่อยแล้ว) ความเร็วสูงสุดเกิน 200 นี่ไม่เถียง แต่มันก็ไม่ได้ขึ้นปรู๊ดปร๊าด คือกว่าจะถึงนี่รถคันอื่นเค้าก็ไปไกลเป็นล้านปีแสงแล้ว ก่อนจะเข้ามาไทยก็เคยอ่านรีวิวจากสื่อนอกอย่าง Autocar UK มาเหมือนกันรายนั้นยังวิจารณ์ตรงไปตรงมาข้อดีข้อเสียยังไงบอกหมดทั้งที่เป็นแบรนด์ประเทศตัวเองยังไม่มีการอวยเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่มาบอกว่าอัตราเร่งดีส่งผ่านกำลังราบรื่นอะไรทำนองนั้น ซึ่งคนที่พูดมาแบบนี้นี่ไม่ใช่แค่เกรงใจแต่ตั้งใจอวยเลยล่ะ ซึ่งยังดีที่หนังสือรถยนต์ที่ผมติดตามทั้ง Autocar, Autobild, Car, Evo, ยานยนตร์, ฟอร์มูลา ไม่เลอะเทอะถึงขนาดนั้น จะว่าเพราะกลัวพูดความจริงไปแล้วจะเสียผลประโยชน์ค่าโฆษณาอะไรก็แล้วแต่ ผมผู้ซึ่งเป็นผู้บริโภคคนหนึ่งซึ่งไม่มีผลประโยชน์อะไรคาบเกี่ยวกับบริษัทรถยนต์เหล่านี้ขอแฉความจริงให้หมดเปลือก แต่ขอเริ่มต้นด้วยคำชมก่อนแล้วกันที่รถตกแต่งภายในได้ดีทำให้เห็นว่าเป็นรถยุโรปจริงๆ ไม่ใช่รถจีน เบาะทำจากหนังชั้นดี รอยเย็บตะเข็บอะไรก็เรียบร้อย ภายในนี่สมกับเป็นรถยุโรปจริงๆ และช่วงล่างก็ดีพอๆ กับ Mitsubishi Lancer EX แบบให้ความรู้สึกเดียวกันเลย แต่มันก็แค่ภาพลวงตาแค่นั้นเพราะรถจะดีไม่ได้วัดกันที่ชนชาติหรือสัญชาติผู้ผลิต รถสัญชาติเยอรมัน อังกฤษ อิตาลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อเมริกา เกาหลี ก็ใช่ว่าจะไม่มีรถที่ห่วยๆ เอาล่ะมาถึงข้อเสียของ MG6 กัน อย่างแรกเลยเสียงเครื่องยนต์นี่ดังครืนๆ แบบว่ากลัวอยู่ดีๆมันจะพังเอา อัตราเร่งก็อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยรถบ้านทั่วไปนะแต่ที่โมโหมากไม่ใช่เรื่องของอัตราเร่งแต่เป็นเกียร์กับคันเร่งที่สมองกลมันโง่บัดซบมากๆ ทำอะไรไปใช้เวลาคิดนานเหลือเกินกว่าจะตอบสนอง เกียร์กระตุกอย่างกับติดสันนิบาต นับว่าเป็นเกียร์ที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยขับรถเกียร์ออโต้คันไหนๆ มาเลยมันเทียบกับ Chevrolet Sonic แล้วถึง Sonic จะอืดกว่าแต่รถยังตอบสนองได้ไวกว่าสั่งไปก็ทำตามแบบไปเรื่อยๆ เทียบกับ Ford Fiesta ปี 2010 MG6 เกียร์ยังกระตุกมากกว่าเยอะเลย ใครที่รำคาญเกียร์ Fiesta อยู่แล้วมาเจอคันนี้นี่ Fiesta กลายเป็นดีไปเลย และการตอบสนองของ MG6 ยังสู้ Lancer E-car ปี 1995 ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมาเทียบรถ C-Segment ยุคปัจจุบันด้านอัตราเร่งและการตอบสนองสู้รถคันอื่นไม่ได้เลย แม้แต่ Proton Preve ก็อย่างว่ารถแบรนด์นี้มันอยู่ได้ด้วยการเอาของเก่ามารีไซเคิลใหม่ทำซ้ำไปๆมาๆอยู่นั่นไม่เคยพัฒนาเทคโนโลยีให้ตามทันชาวบ้านเค้าเลย เพราะมันก็แค่แบรนด์ที่ถูกทอดทิ้งโดยต้นสังกัด ที่มีแต่สร้างภาระให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ เทคโนโลยีของรถ MG คงล้าหลังกว่ารถญี่ปุ่น 20 ปีได้มั้ง ก็อย่างว่าเครื่อง K-Series มันตกยุคไปแล้วแต่ก็ต้องเอามาใช้เพราะไม่มีทางเลือก สรุปแล้ว MG6 คุณภาพไม่ได้สมราคาหลักล้านของมันเลย เอาเงินล้านไปซื้อรถหกล้อขนหมูยังจะมีประโยชน์กว่า แต่ถ้าใครซื้อมาแล้วก็ต้องขอโทษด้วยถ้ากล่าวแรงไปหน่อย ก็เอาเหอะรถจะดีไม่ดีคนขับก็มีส่วนเหมือนกัน จะว่าไปถ้าซื้อแค่ช่วงล่างกับตัวถังแล้วหาอู่ดีๆ มาวางเครื่องลงเกียร์ให้ใหม่ใช้ของรถญี่ปุ่นแล้วดัดแปลงให้เข้ากับรถมันก็น่าจะเวิร์คอยู่แต่จบราคาเท่าไหร่เนี่ยสิช่างมันอย่าไปคิดมันเลย เพราะของเดิมถ้าขับแบบรถบ้านมันก็ไม่มีปัญหาในการขับขี่ในชีวิตประจำวันแต่อย่างใด และมันก็นั่งสบายอยู่เพราะห้องโดยสารกว้างกว่ารถ C-Segment อยู่พอสมควร และที่เคยอ่านรีวิวของ Autocar UK ที่บอกว่าเปลืองน้ำมัน ความจริงมันก็อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 14-16 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าไม่ได้แย่อะไร แต่คนทำรีวิวบอกมันเปลืองเพราะเอาไปเทียบกับ Skoda Octavia แค่นั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น